
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ตัวแทนคณะรัฐมนตรี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในการกำหนดกรอบเวลาการประชุมร่วมรัฐสภาวาระพิเศษ วันที่ 14-15 ต.ค.นี้ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ที่เสนอโดยพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย
ทั้ง 3 ร่าง จะเข้าสู่การพิจารณาพร้อมกัน แต่แยกลงมติในวาระแรก ซึ่งจะตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาศึกษาจำนวน 42 คน พิจารณาวาระ 2-3 แบ่งไปตามสัดส่วน สส.และ สว. ใช้เวลาอภิปรายรวม 19 ชั่วโมง 30 นาที แบ่งเป็นเวลาการทำหน้าที่ของประธานในที่ประชุม 1 ชั่วโมง ส่วนเวลาของวุฒิสภา 5 ชั่วโมง 30 นาที เวลาของพรรคร่วมรัฐบาล 3 ชั่วโมง พรรคการเมืองฝ่ายค้าน 10 ชั่วโมง โดยมีการถ่ายทอดการประชุม 2 วัน และคาดว่าจะใช้เวลาลงมติมากพอสมควร เพราะจะต้องขานชื่อทีละคน จำนวนสมาชิก 700 คน
นายวันมูหะมัดนอร์ เปิดเผยว่า จากการพูดคุยในวิป 3 ฝ่ายวันนี้ ไม่มีข้อกังวลใดจากแต่ละฝ่ายถึงเนื้อหาของร่างพรรคการเมือง ซึ่งต่างมีความเห็นร่วมกันในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทำฉบับใหม่ และต้องเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยออกมาหมดแล้ว
“วันนี้ได้นำคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญ ส่งให้สมาชิกรัฐสภาทุกคน ทั้ง สส.และ สว. เพื่อให้ใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการอภิปราย เพราะได้สอบถามศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ทั้งเรื่องข้อกังวลต่าง ๆ เรื่องการทำประชามติกี่ครั้ง วิธีการแก้ไขในกรอบของรัฐธรรมนูญเดิม และในกรอบสิ่งที่จะแก้ จากคำวิสัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีมา 2 ครั้งแล้ว หากเดินไปตามนี้ ก็สามารถพิจารณาแก้ไขได้ แต่อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ ที่จะต้องมีการพิจารณาวาระ 1-2-3 และมีเงื่อนไขว่าการแก้ไขได้ ต้องมีเสียงตามหลักเกณฑ์” นายวันทูหะมัดนอร์ กล่าว
ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. กล่าวว่า โมเดลของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จะต้องเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะคำนิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ซึ่งประเด็นของ สว. เราเห็นด้วยว่า รัฐธรรมนูญบางมาตราที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทางการเมือง แต่ สว. ส่วนใหญ่ 80-90% ไม่เห็นด้วยกับการไปแตะต้องหมวด 1 และหมวด 2
ส่วนการลงมติของสว.นั้น จากการพิจารณาคร่าว ๆ ดูแล้วทั้ง 3 ฉบับไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่ในรายละเอียดค่อยพิจารณาต่อในชั้นกรรมาธิการ
ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า หากทุกฝ่ายเห็นตรงกัน คงใช้เวลาในชั้น กมธ. ไม่นานนัก และคงพิจารณาแล้วเสร็จก่อนจะเปิดสมัยประชุมหน้าในช่วงเดือนธ.ค. ซึ่งการพิจารณาในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 จะไปพิจารณาในสมัยประชุมหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 68)