“เลอกอร์นู” รับตำแหน่งนายกฯ ฝรั่งเศสรอบสอง ท่ามกลางแรงกดดันอย่างหนัก

เซบาสเตียน เลอกอร์นู เริ่มต้นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสเป็นครั้งที่สองในวันนี้ (11 ต.ค.) ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน หลังถูกกดดันให้จัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เพื่อเสนอร่างงบประมาณภายในเส้นตายในวันจันทร์ (13 ต.ค.) ขณะเดียวกัน ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหลายกลุ่มประกาศเตรียมลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลของเขา

เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ตัดสินใจแต่งตั้งเลอกอร์นูกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) เพียงไม่กี่วันหลังเขายื่นใบลาออก โดยเลอกอร์นูให้เหตุผลว่ารัฐบาลก่อนหน้าไม่สามารถจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีเสียงสนับสนุนเพียงพอในรัฐสภา เพื่อผ่านร่างงบประมาณปี 2569 ซึ่งถูกปรับลดลงได้ ท่ามกลางสภาวะการเมืองที่เต็มไปด้วยความแตกแยก

ก่อนหน้านี้ เลอกอร์นูดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียง 27 วัน ซึ่งถือว่าสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองฝรั่งเศสยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความแน่นอนว่าเขาจะสามารถดำรงตำแหน่งได้ครบวาระในครั้งใหม่นี้

การแต่งตั้งเลอกอร์นูกลับมาดำรงตำแหน่งสร้างความไม่พอใจให้กับคู่แข่งทางการเมืองหลายฝ่าย โดยพรรคฝ่ายซ้าย ฝ่ายซ้ายสุดโต่ง และฝ่ายขวาสุดโต่งต่างมองว่าทางออกจากวิกฤติการเมืองครั้งนี้ควรเป็นการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ หรือให้ประธานาธิบดีลาออก ขณะที่ทั้งสามพรรคต่างประกาศชัดว่าจะลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลเลอกอร์นู ทำให้เขาต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากพรรคสังคมนิยม ซึ่งผู้นำพรรคยังไม่เปิดเผยท่าทีที่ชัดเจน

สถานการณ์ของเลอกอร์นูจึงอยู่ในภาวะกดดันสูง เนื่องจากภายในวันจันทร์นี้ เขาจะต้องเสนอร่างงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรีและส่งต่อให้รัฐสภาพิจารณาในวันเดียวกัน ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลจำเป็นต้องแต่งตั้งรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านการคลัง งบประมาณ และประกันสังคมให้ครบก่อนถึงเส้นตายดังกล่าว

แม้เลอกอร์นูยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของร่างงบประมาณ แต่เขายืนยันว่ารัฐบาลจะต้องลดการขาดดุลงบประมาณในปีหน้าให้อยู่ระหว่าง 4.7–5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายเดิมที่ 4.6% โดยในปีนี้การขาดดุลงบประมาณคาดว่าจะอยู่ที่ 5.4%

ขณะเดียวกัน ยังต้องจับตาท่าทีของเลอกอร์นูต่อข้อเสนอของพรรคสังคมนิยมที่เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการปฏิรูประบบบำนาญของมาครงและจัดเก็บภาษีมหาเศรษฐี ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้อาจเป็นเงื่อนไขสำคัญในการแลกกับการสนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อยของเขา

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 68)