
น.ส.ปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะขยายตัวได้ 2.2% และยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องไปถึงปี 2569 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.6% โดยช่วงครึ่งแรกของปีนี้ (H1/68) เศรษฐกิจไทย ขยายตัว 3% ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งผลิตและส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นก่อนที่สหรัฐฯ จะมีการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศ
ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังนี้ (H2/68) เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลงจากภาคการผลิต และภาคการส่งออก ที่เริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ แต่มองว่าภาคการท่องเที่ยวจะเริ่มทยอยฟื้นตัวได้ ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาส 3/68 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 1.5% และไตรมาส 4/68 จะขยายตัวได้ 1.3%
โดยในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเข้ามาช่วยเพิ่มบรรยากาศการบริโภค การจับจ่ายใช้สอย และการท่องเที่ยวในประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และ “เที่ยวดีมีคืน” ซึ่งจะมีส่วนช่วยเพิ่ม GDP ในช่วงไตรมาส 4 ได้ 0.2-0.3% และเป็นทำให้ GDP ไตรมาส 4 ขยายตัวได้ 1.3%
“มาตรการภาครัฐเข้ามาช่วย ซึ่งมีผลมากในช่วง Q4 ที่เริ่มต้นใช้มาตรการ…รวมแล้วผลน่าจะอยู่ที่ 0.2-0.3% ของไตรมาส 4 มาตรการนี้ช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน sentiment ในตลาดเริ่มคึกคักขึ้น ทั้งฝั่งพ่อค้าแม่ค้า และประชาชน ช่วยสร้างความหวังให้เศรษฐกิจไทยได้” น.ส.ปราณี ระบุ
น.ส.ปราณี กล่าวถึงแนวโน้มภาคการท่องเที่ยวว่า จะทยอยพื้นตัว โดยนักท่องเที่ยวระยะไกลยังขยายตัวได้ ประกอบกับนักท่องเที่ยวจีนเริ่มทยอยกลับมา โดยคาดว่าทั้งปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย จะอยู่ที่ 33 ล้านคน คิดเป็นรายรับ 1.4 ล้านล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีน ราว 4.4 ล้านคน ส่วนปี 69 คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย เพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านคน คิดเป็นรายรับ 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นนักท่องเที่ยวจีน 6 ล้านคน
ทั้งนี้ มีข้อมูลความเห็นจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้วยว่า คาดว่านักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4/68 ซึ่งมีสัญญาณการฟื้นตัวจากนักท่องเที่ยวจีน และผลจากการแก้ปัญหาด้านภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการ ยังมีความกังวลต่อสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า ซึ่งจะส่งผลให้การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวลดลง และกดดันต่อความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการประกอบธุรกิจมากขึ้น
แม้เงินเฟ้อต่ำ แต่ยังไม่ใช่ภาวะเงินฝืด คาดเงินเฟ้อเริ่มเป็นบวก Q2/69
ด้านนายสุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท.ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ในปีนี้ จะอยู่ที่ 0.0% ส่วนปี 69 อยู่ที่ 0.5% และปี 70 อยู่ที่ 1% โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงไตรมาส 2/69 และกลับเข้าสู่ขอบล่างของเป้าหมายนโยบายการเงินที่ระดับ 1-3% ได้ในช่วงปี 70
พร้อมมองว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจาก 3 สาเหตุสำคัญ คือ
1. การที่อัตราเฟ้อต่ำในปัจจุบัน เป็นผลจากราคาสินค้าที่ลดลงเพียงบางหมวด เช่น กลุ่มพลังงาน และอาหารสด (ผัก-ผลไม้) ในขณะนี้ราคาสินค้ากลุ่มอื่น ไม่ได้ปรับลดลงต่อเนื่องและในวงกว้าง
2. เครื่องชี้แรงกดดันด้านราคา ที่สะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อยังทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอดีต
3. เงินเฟ้อคาดการณ์ระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3%
นายสุรัช ชี้แจงว่า การที่องค์ประกอบของตะกร้าเงินเฟ้อไทย มีสัดส่วนของสินค้ากลุ่มพลังงาน และอาหารในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น จึงเป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ทำให้เงินเฟ้อไทยต่ำ นอกจากนี้ ราคาสินค้าหมวดอาหารของไทยก็อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับต่างประเทศ อีกทั้ง Trend ราคาพลังงานไม่เร่งตัวขึ้นมาก ประกอบกับไทยมีมาตรการอุดหนุนราคาพลังงานในบางช่วง
นอกจากนี้ การแข่งขันในด้านราคาสินค้า ก็เป็นตัวหนึ่งที่กดดันให้เงินเฟ้อไทยอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาสินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งต่ำกว่าราคาสินค้านำเข้าเฉลี่ยจากทุกประเทศ เช่น เครื่องสำอางค์ ผัก-ผลไม้ ท่ามกลางการแข่งขันด้านราคาที่อยู่ในระดับสูง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ต.ค. 68)