
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนก.ย. 68 ส่งออกได้ 86,056 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 20.90% และเพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย. 67 ที่ 7.23%
ทั้งนี้ เพิ่มขึ้นจากการส่งออกรถกระบะเพิ่มขึ้น รวมทั้งรถกระบะดัดแปลง PPV ที่มีบางบริษัทออกรุ่นใหม่และส่งออกเป็นครั้งแรก รถยนต์นั่งไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้าส่งออกเพิ่มขึ้น แต่รถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายในส่งออกลดลง 16.97% ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้ สำหรับมูลค่าการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 55,776.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย. 67 ที่ 5.52% แต่เครื่องยนต์และชิ้นส่วนส่งออกเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกของปี 68 (ม.ค.-ก.ย.) มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 689,031 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกัน 10.39% มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 462,553.36 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 67 ที่ 13.23%
“ตัวเลขในเดือนก.ย. ดีขึ้นมาก ๆ จากเดิมที่คาดว่าจะปรับเป้าส่งออกในเดือนนี้ ก็เลยทำให้ไม่ต้องปรับ เพราะมีการส่งออกรถไฟฟ้า และ PPV มากขึ้น ทำให้ส่งออกดีขึ้น โดยตัวเลขส่งออกช่วง 9 เดือนอยู่ที่ 689,031 คันแล้ว เหลืออีก 1 ไตรมาส ดังนั้น ก็คาดว่าปีนี้จะส่งออกได้ตามเป้าที่ 950,000 คัน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามผลกระทบจากภาษีทรัมป์ต่อไป” นายสุรพงษ์ กล่าว
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนก.ย. 68 มีทั้งสิ้น 128,104 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค. 68 ที่ 14.01% และเพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย. 67 ที่ 4.77% จากการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าชดเชยการนำรถยนต์นั่งไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศปี 65-66 และผลิตรถกระบะดัดแปลง PPV เพื่อส่งออกและจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นจากการออกรุ่นใหม่ของบางบริษัท ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์รุ่นนี้เติบโต 29.95%
สำหรับจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วง 9 เดือนแรก (เดือนม.ค.-ก.ย. 68) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,075,801 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 67 ที่ 4.63%
“เป้าการผลิตรถยนต์ปี 68 ยังคงอยู่ที่ 1.4 ล้านคัน ก็มองว่ามีโอกาสได้ตามเป้า หลัง 9 เดือน ผลิตไปแล้ว 1 ล้านคัน โดยแบ่งสัดส่วนเป็น ผลิตเพื่อส่งออกปีนี้วางไว้ที่ 950,000 คัน ส่วนผลิตเพื่อขายในประเทศ 500,000 คัน” นายสุรพงษ์ กล่าว
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนก.ย. 68 มีจำนวนทั้งสิ้น 48,350 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค. 68 ที่ 1.53% และเพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย. 67 ที่ 23.82% จากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังเติบโตดี เพราะหลายรุ่นมีราคาที่ถูกลงจนสามารถซื้อได้มากขึ้น รวมทั้งเทคโนโลยีที่ติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้าน่าสนใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม รถกระบะยังคงขายลดลง 4% จากการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหลักฐานการเงินอ่อนแอจากเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายเติบโตในอัตราต่ำ ค่าครองชีพสูง และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงติดลบ แรงงานในภาคอุตสาหกรรมมีรายได้ลดลงจึงขาดกำลังซื้อ ผู้ขายสินค้าอื่น ๆ และอาหารรวมทั้งการท่องเที่ยวมีรายได้ลดลง
ทั้งนี้ ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรก (เดือนม.ค.-ก.ย. 68) รถยนต์มียอดขาย 477,969 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 67 ที่ 2.12% โดยยังคาดเป้ายอดขายของทั้งปี 68 ไว้ที่ 600,000 คัน
– ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,906 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย.ปีที่แล้ว 80.23% ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (เดือนม.ค.-ก.ย. 68) มีจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 104,571 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 38.49% และนับถึงวันที่ 30 ก.ย. 68 มียอดจดทะเบียนสะสมจำนวนทั้งสิ้น 330,301 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 59.85%
– ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,629 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย. ปีที่แล้ว 23.67% ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (เดือนม.ค.-ก.ย. 68) มีจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 106,332 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2.05% และนับถึงวันที่ 30 ก.ย. 68 มียอดจดทะเบียนสะสมจำนวนทั้งสิ้น 574,293 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 28.53%
– ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,355 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย.ปีที่แล้ว 84.60% ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (เดือนม.ค.-ก.ย. 68) มีจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 15,036 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 105.69% และนับถึงวันที่ 30 ก.ย. 68 มียอดจดทะเบียนสะสมจำนวนทั้งสิ้น 78,059 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 27.65%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ต.ค. 68)