
รัสเซียได้เปิดฉากโจมตีใส่ยูเครนระลอกใหม่ด้วยโดรนและขีปนาวุธในช่วงเช้าวันนี้ (22 ต.ค.) ส่งผลให้พลเรือนในกรุงเคียฟเสียชีวิตอย่างน้อย 2 รายและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก โดยเหตุการณ์ล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าความพยายามในการสร้างสันติภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงคว้าน้ำเหลว
กองกำลังป้องกันการโจมตีทางอากาศและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยูเครนรายงานว่า การโจมตีดังกล่าวของรัสเซียมุ่งเป้าไปยังพื้นที่อยู่อาศัยและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของกรุงเคียฟ แคว้นโปลตาวาตอนกลาง และซาโปริซเซียทางตอนใต้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้แจ้งผ่านทางเทเลแกรมอีกว่า อิซมาอิล ซึ่งเป็นเมืองท่าริมแม่น้ำดานูบก็ถูกโจมตีด้วย
รัสเซียได้ยกระดับการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนอย่างต่อเนื่องก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง ทำให้การผลิตก๊าซต้องหยุดชะงักไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง โดยเมืองเชอร์นิฮิฟทางตอนเหนือ และเมืองซูมีทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำและไฟฟ้ามาหลายวันแล้ว อันเป็นผลมาจากการโจมตีที่รุนแรงขึ้นของรัสเซีย
กระทรวงพลังงานของยูเครนประเมินว่า เดือนต.ค.ได้กลายเป็นหนึ่งในเดือนแห่งความรุนแรงของการโจมตีโครงข่ายไฟฟ้า โครงข่ายคมนาคมขนส่ง และโรงงานผลิตก๊าซของประเทศหนักหน่วงที่สุด นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ ซึ่งขณะนี้ล่วงเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว
การโจมตีระลอกล่าสุดเกิดขึ้นในขณะที่แผนการประชุมสุดยอดครั้งที่สองระหว่างปธน.ทรัมป์กับปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน
ทั้งนี้ ปธน.โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนมีกำหนดการเยือนกรุงสตอกโฮล์มในวันนี้ เพื่อขอความช่วยเหลือทางทหารจากชาติยุโรป จากนั้นบรรดาผู้นำสหภาพยุโรป (EU) จะเข้าร่วมประชุมสุดยอดที่กรุงบรัสเซลส์ในวันพรุ่งนี้ (23 ต.ค.) เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ยูเครนผ่านการใช้สินทรัพย์ของธนาคารกลางรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ ขณะที่ชาติพันธมิตร “Coalition of the Willing” ของยูเครนมีกำหนดจัดการประชุมในวันศุกร์นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ต.ค. 68)