
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียลดการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariff barriers) และดำเนินนโยบายการค้าแบบบูรณาการ เพื่อลดความเปราะบางที่มีต่อมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินทั่วโลก
IMF ระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียในวันนี้ (24 ต.ค.) ว่า การค้าเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชีย โดยมีจีนเป็นศูนย์กลางของห่วงโซ่อุปทานการผลิตสินค้าทั่วโลก ซึ่งทำให้ภูมิภาคนี้มีความเปราะบางต่อผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ตลอดจนมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
รายงานยังระบุด้วยว่า ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ และกระแสการลงทุนที่เฟื่องฟูในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ทำให้การค้าภายในภูมิภาคเอเชียปรับตัวดีขึ้นขึ้น ขณะเดียวกันหากเอเชียเดินหน้าส่งเสริมการบูรณาการทางการค้าในภูมิภาค รวมถึงการยกเลิกกำแพงการค้า ก็จะช่วยให้ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคสามารถกระจายตลาดส่งออก ลดต้นทุน และชดเชยแรงกดดันบางส่วนจากผลกระทบของมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ได้
นอกจากนี้ รายงานของ IMF แนะว่า เอเชียจะได้ประโยชน์จากการทำข้อตกลงทางการค้าร่วมกันในวงกว้างขึ้น เช่นเดียวกับที่เห็นในสหภาพยุโรป (EU) เนื่องจากในปัจจุบัน การมุ่งเน้นที่ข้อตกลงทวิภาคีทำให้เกิดกฎเกณฑ์ที่ทับซ้อนกันและมาตรฐานที่ไม่สอดคล้องกัน พร้อมระบุว่า การลดมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งเพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และยังคงมีอยู่ทั่วไปในเอเชียนั้น สามารถให้ประโยชน์กับประเทศต่าง ๆ ในเอเชียได้อย่างมาก
กฤษณะ ศรีนิวาสัน ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการเอเชียแปซิฟิกของ IMF กล่าวว่า หากเอเชียบูรณาการกันมากขึ้นภายในภูมิภาค ก็จะช่วยเป็นเกราะป้องกันแรงกดดันจากภายนอก พร้อมกับกล่าวว่าเอเชียมีความเชื่อมโยงอย่างมากในการค้าสินค้าขั้นกลาง (intermediate goods) โดยประมาณ 60% ของการส่งออกทั้งหมดเกิดขึ้นภายในภูมิภาค ในทางตรงกันข้าม มีเพียง 30% ของการส่งออกสินค้าขั้นสุดท้าย (final goods) ของประเทศในเอเชียเท่านั้นที่เกิดขึ้นภายในภูมิภาค ซึ่งเป็นสัญญาณของการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และยุโรป
IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเอเชียจะขยายตัว 4.5% ในปี 2568 ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงจาก 4.6% ในปีที่แล้ว แต่ก็เพิ่มขึ้น 0.6% จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย. เนื่องจากยอดส่งออกที่แข็งแกร่ง ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากการเร่งส่งสินค้าก่อนที่มาตรการปรับขั้นภาษีของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ดี IMF คาดการณ์ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจเอเชียในปี 2569 จะชะลอลงแตะระดับ 4.1% เนื่องจากผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้า อุปสงค์ที่อ่อนแอในจีน และการบริโภคภาคเอกชนที่ซบเซาในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ต.ค. 68)





