
เมื่อเวลา 10:44 น. หุ้น SCC บวก 3.38% เพิ่มขึ้น 7.00 บาท มาที่ 214.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 365.20 ล้านบาท จากราคาเปิด 204.00 บาท ราคาสูงสุด 214.00 บาท และราคาต่ำสุด 204.00 บาท
บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย [SCC] ไตรมาส 3/68 พลิกขาดทุนสุทธิ 669 ล้านบาท จากส่วนต่างราคาลดลง แต่ขาดทุนน้อยกว่าคาด แยกธุรกิจได้ดังนี้
- ปูนซีเมนต์ ยอดขายหด -2.3% QoQ จากการอ่อนตัวของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และปัจจัยฤดูกาล แต่จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ และราคาปูนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ EBITDA margin ทรงตัว QoQ ที่ 16%
- บรรจุภัณฑ์ ยอดขายหด -3% QoQ จากผลของราคาขายที่ลดลงแต่ต้นทุนที่ลดลงด้วย ทำให้ EBITDA margin ดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 14% จาก 13% ในไตรมาส 2/68
- ปิโตรเคมี ยอดขายเพิ่ม +0.2% QoQ จากการเริ่มผลิตโรงงาน LSP 2 เดือนส่งผลให้ปริมาณขายเพิ่ม +7.8% QoQ แต่จากส่วนต่างราคา HDPE หด -31 เหรียญ/ตัน และ PP หด -55 เหรียญ/ตัน ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการเริ่มผลิตของ LSP ราว 200-300 ล้านบาท ผนวกกับมีขาดทุนจากสต็อกรวม NRV ทั้งสิ้น -1,348 ล้านบาท ทำให้ธุรกิจปิโตรฯ ขาดทุนสุทธิ 3,999 ล้านบาท
อีกทั้งไตรมาสนี้การรับรู้เงินปันผลรับจากบริษัทร่วมจะเหลือเพียง 4,892 ล้านบาท ลดลงจาก 8,086 ล้านบาทในไตรมาส 2/68 ขณะที่ไตรมาสนี้ค่าใช้จ่ายขายและบริหารลดลง -18% QoQ จากเน้นการควบคุมค่าใช้จ่าย โดยมีรายการพิเศษสุทธิ -1,443 ล้านบาท มาจากขาดทุนสต็อก -1,348 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างการดำเนินงาน -95 ลบ. หากไม่รวมรายการพิเศษ การดำเนินงานปกติกำไรจะอยู่ที่ 774 ล้านบาท จาก ไตรมาส 3/67 ขาดทุน 97 ลบ. แต่ลด 75% q-q
บล.ลิเบอร์เรเตอร์ ระบุว่า การดำเนินงานที่ออกมาไม่ได้ผิดหวังมากนัก โดยธุรกิจอื่นกำลังเข้าสู่ฤดูกาล ทำให้แนวโน้มการดำเนินงานจะดีขึ้นตามลำดับ ส่วนปิโตรฯ คงต้องตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ว่าจะเอื้อต่อการฟื้นตัวของการดำเนินงานได้หรือไม่ ซึ่งหากแนวโน้มดีขึ้น จะเป็นจุดเปลี่ยนของการดำเนินงานอีกครั้ง
ราคาหุ้นย่อตัวลงมาจากแนวโน้มงบที่กลับมาขาดทุนซึ่งคาดว่าตลาดรับรู้ข่าวนี้ไปแล้ว ราคาหุ้นที่ปรับลงมาเริ่มน่าสนใจมากขึ้น เพราะคาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตปิโตรของประเทศต่าง ๆ รออยู่ข้างหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 68)





