
ประธานบอร์ด บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ยิ้มรับทรัพย์ก้อนโตหลังกรุงเทพมหานคร (กทม.) ใช้หนี้ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียว 36,444 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของดอกเบี้ยสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท ช่วยลด D/E ลงเหลือ 1 เท่า จาก 1.39 เท่า เชื่อมั่น กทม.จะจ่ายค่าจ้างเดินรถงวดต่อจากนี้ตรงเวลาเดือนละ 740 ล้านบาท พร้อมหนุนนโยบายค่ารถไฟฟ้าเหมาจ่าย 40 บาท/วันเล็งเพิ่มจำนวนผู้โดยสารโต 50-60%
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ BTS เปิดแถลงข่าวว่า บริษัทเพิ่งได้รับการชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียวจาก กทม.เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ รวมดอกเบี้ยแล้วเป็นเงิน 36,444 ล้านบาท หลังจากรอคอยมานาน ทำให้งรู้สึกดีใจ และจากการได้รับชำระหนี้ดังกล่าวทำให้ BTS สามารถลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) จาก 1.39 เท่า มาที่ 1 เท่า หลังจากบริษัทนำเงินไปชำระหนี้ 1.5 หมื่นล้านบาท และส่วนที่เหลือราว 2 หมื่นล้านบาทจะนำไปเตรียมการลงทุนในระยะถัดไป
“ดึใจที่สุดท้าย ผู้ว่าฯชัชชาติ เข้าใจและจ่ายหนี้ที่ค้างบริษัทมา ที่เป็นค่าจ้างเดินรถ O&M ส่วนต่อขยายสายสีเขียวได้จ่ายให้เราทั้งหมดประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท ผมดีใจเพราะว่าที่ผ่านมาหลายปีบริษัทมีความกดดันทวงถามหนี้จากกทม. กทม.ก้ยังใช้เวลาพิจารณานาน แต่ที่ผ่านมาเราก็มีค่าใช้จ่ายต่างๆ จากนี้ไปผมคิดว่าภาระนี้ไม่ต้องกดดันอีกแล้ว เพราะเข้าใจว่าทาง กทม.ทุกวันที่ 20 จะจ่ายให้เราทุกเดือน” นายคีรี กล่าว
นายคีรี กล่าวอีกว่า ตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมาแม้ว่าบริษัทจะยังไม่ได้รับการชำระหนี้จาก กทม. แต่บริษัทพยายามทุกอย่างเพื่อให้สามารถเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้อย่างราบรื่น บริการให้กับผู้โดยสารทุกวัน โดยความเป็นจริงแม้ว่า BTS ได้รับดอกเบี้ยมาจาก กทม.กว่า 1 หมื่นล้านบาท ที่มีกำไรมากกว่าต้นทุนที่ BTS จ่ายไป ก็ไม่ได้ยินดีกับดอกเบี้ยที่ได้รับ และไม่ได้ทำงานเพื่อจะเอากำไรจากดอกเบี้ย แต่มองว่าเสียโอกาสธุรกิจมากกว่า อย่างไรก็ดี บริษัทได้ลดดอกเบี้ยให้ กทม. 200 ล้านบาทเมื่อ กทม.รับปากจะชำระหนี้ภายในเดือน ต.ค.
วันนี้ BTS มีสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย และหวังว่า กทม.จะจ่ายค่าจ้างให้ตรงเวลาในทุกวันที่ 20 ของเดือน โดยบริษัทจะแจ้งชำระในวันที่ 3 ของเดือน ก็จะทำให้ กทม.ไม่มีภาระหนี้อีก ทั้งนี้ กทม.และ BTS ได้เซ็น MOU ในการชำระค่าจ้างเดินรถตรงเวลาทุกเดือนแล้ว ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรคลาดเคลื่อนอีก
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ BTS และ และผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MOVE หรือ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) กล่าวเพิ่มเติมว่า หนี้ที่บริษัทได้รับชำระจาก กทม. มาจากหนี้สัญญาการเดินรถที่บริษัทฟ้องเรียกชำระครั้งที่ 2 จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท และหนี้ค้างชำระที่เดินรถตั้งแต่ มิ.ย.64-ก.ย.68 อีก 2.4 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้ง 2 ด้านคิดเป็นเงิน 740 ล้านบาท/เดือน แต่หากสัญญาสัมปทานในเส้นทางหลัก (อ่อนนุช-หมอชิต, สะพานตากสิน-สนามกีฬาฯ) สิ้นสุดในปี 72 แล้วทาง กทม.ว่าจ้างให้บริษัทเดินรถต่อเนื่องตั้งแต่ปี 73-85 จะทำให้ BTS จะได้รับค่าจ้างเดินรถสายสีเขียวทั้งเส้นทางเป็นเงิน 1,300-1,400 ล้านบาท/เดือน
นายคีรี กล่าวว่า จากที่รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีมีแนวคิดค่ารถไฟฟ้าแบบเหมาจ่าย 40 บาท/วัน ถือว่าราคาถูกกว่ารัฐบาลชุดที่แล้วที่มีนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย/เที่ยว รวมถึงการซื้อคืนสัมปทานจากเอกชนผู้รับสัมปทานเพื่อไปดำเนินการเป็น Single Operate ถือเป็นแนวคิดที่ดี เพราะทำให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกสบาย ลดมลพิษ แก้ปัญหาจรจาจรได้
นอกจากนี้ มองว่าหากรัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายรถไฟฟ้าเหมาจ่าย 40 บาท/วันได้จะช่วยหนุนการเติบโตผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 50-60% จากผู้ใช้รถไฟฟ้าทุกสายรวมกันกว่า 2 ล้านคน/วัน ซึ่งในช่วงที่รัฐบาลได้ให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้าฟรีในช่วงที่ฝุ่น PM2.5 มากขึ้น ทำให้ผู้โดยสารของบีทีเอส เพิ่มขึ้น 40% นอกจากนี้ โครงข่ายรถไฟฟ้านับวันจะเพิ่มมากขึ้น ยิ่งต่อการบริหารของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลจะซื้อคืนสัมปทานในช่วงนี้ก็ต้องคืนต้นทุนที่บริษัทได้ลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวด้วย ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นหลักที่ BTS ขายสิทธิรายได้ให้กับกองทุน BTSGIF รัฐบาลก็ต้องซื้อจากกองทุน BTSGIF ผ่าน BTS ด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 68)





