
กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยในแถลงการณ์วันนี้ว่า จีนจะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับติ๊กต๊อก (TikTok) อย่างเหมาะสม แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังการหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งถือเป็นการพบกันครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งสมัยที่สองเมื่อเดือนม.ค.
การประชุมสุดยอดระหว่างสองผู้นำมหาอำนาจครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้า ซึ่งรวมถึงการที่สหรัฐฯ จะลดอัตราภาษีสำหรับสินค้าจีน ขณะที่จีนจะระงับการควบคุมการส่งออกแร่หายาก อย่างไรก็ตาม ในประเด็นการเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยมอย่างติ๊กต๊อกนั้นยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน
กระทรวงพาณิชย์จีนไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับความคืบหน้าหรือกรอบเวลาในการยุติความไม่แน่นอนเกี่ยวกับชะตากรรมของติ๊กต๊อกในสหรัฐฯ ขณะที่ทรัมป์เองก็ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นติ๊กต๊อกในระหว่างพูดคุยกับนักข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกับผู้นำจีน
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายบริหารของทรัมป์เคยส่งสัญญาณว่าอาจบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลปักกิ่งเพื่อให้ติ๊กต๊อกสามารถดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ต่อไปได้ โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนการประชุมสุดยอดของทรัมป์และสีที่เกาหลีใต้ว่า ผู้นำทั้งสองจะตกลงกันเกี่ยวกับการซื้อขายติ๊กต๊อกในการพบกันครั้งนี้
ปมปัญหาการขายกิจการ
สภาคองเกรสได้ผ่านกฎหมายความมั่นคงที่ได้รับการสนับสนุนจากเสียงส่วนใหญ่ของทั้งสองพรรค และลงนามบังคับใช้โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งจะส่งผลให้ติ๊กต๊อกถูกแบนในสหรัฐฯ หากแพลตฟอร์มยอดนิยมนี้ไม่สามารถหาเจ้าของใหม่มาแทนที่ไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในประเทศจีนได้
ติ๊กต๊อกเคยถูกระงับการใช้งานไปช่วงสั้น ๆ เมื่อถึงกำหนดเส้นตายในเดือนม.ค. แต่ในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่ง ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อให้ติ๊กต๊อกสามารถดำเนินการในสหรัฐฯ ต่อไปได้ ในระหว่างที่รัฐบาลของเขากำลังพยายามบรรลุข้อตกลงในการขายกิจการ แม้ว่าข้อตกลงดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากจีนด้วยก็ตาม
หลังจากนั้น ได้มีการออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพิ่มเติมอีกสามฉบับ เพื่อขยายกำหนดเส้นตายสำหรับติ๊กต๊อกออกไปโดยไม่มีกฎหมายรองรับ โดยคำสั่งฉบับที่สองเกิดขึ้นในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเชื่อว่าสหรัฐฯ ใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการแยกติ๊กต๊อกออกไปเป็นบริษัทใหม่ที่มีกลุ่มนักลงทุนอเมริกันเป็นเจ้าของ แต่ข้อตกลงดังกล่าวล้มเหลว เมื่อจีนถอนตัวหลังจากที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจีนอย่างรุนแรง จากนั้นกำหนดเส้นตายอีกสองครั้งในเดือนมิ.ย. และก.ย. ได้ผ่านพ้นไปอีก โดยที่ทรัมป์ระบุว่าจะอนุญาตให้ติ๊กต๊อกดำเนินการในสหรัฐฯ ต่อไปภายใต้เงื่อนไขว่าแพลตฟอร์มจะต้องจัดการกับข้อกังวลเกี่ยวกับความมั่นคง
ทั้งนี้ ประเด็นความมั่นคงยังคงเป็นศูนย์กลางของการถกเถียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับอัลกอริทึมแนะนำเนื้อหาของ TikTok ซึ่งสหรัฐฯ กังวลว่าอาจเสี่ยงต่อการถูกทางการจีนแทรกแซง แต่จีนยืนยันว่าอัลกอริทึมจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของจีนตามกฎหมาย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 68)





