
นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รมช.คมนาคม เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ว่า นโยบายของกระทรวงคมนาคมขณะนี้ให้ชะลอการโอนย้าย 3 สนามบิน ได้แก่ สนามบินกระบี่ สนามบินบุรีรัมย์ และสนามบินอุดรธานี ไปให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย [AOT] ออกไปก่อน รอให้รัฐบาลหน้าเข้ามาตัดสินใจ เพราะรัฐบาลชุดนี้มีเวลาเพียง 4 เดือนน่าจะดำเนินการไม่ทัน ขณะเดียวกันก็มองว่าหาก 3 สนามบินดังกล่าวอยู่ภายใต้การบริหารของ AOT ค่าใช้จ่ายสนามบินก็จะใชัอัตราเดียวกับที่ AOT เก็บ ซึ่งอาจจะสร้างภาระค่าใช้จ่ายกับผู้โดยสารมากขึ้น
นอกจากนี้ เห็นว่า ทย.ยังมีความสามารถดูแลสนามบินท้ง 3 แห่งได้ ทั้งนี้ ทั้ง 3 สนามบินได้รับใบอนุญาตเป็นสนามบินสาธารณะแล้ว และเป็นสนามบินที่สร้างรายได้ให้กับ ทย.ในอันดับต้นๆ ที่สามารถนำรายได้ไปเลี้ยงสนามบินเล็กอื่นๆ โดย ทย.เก็บค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC) จากสนามบินทุกแห่งรวม 800-900 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ดี มติ ครม.เดิมที่อนุมัติให้ ทย.โอนย้าย 3 สนามบินดังกล่าวให้ AOT ก็ยังไม่ได้ถูกยกเลิกไป
รมช.คมนาคมกล่าวว่า ทย.มีแผนงานปรับปรุงอำนวยความสะดวกภายในสนามบิน อาทิ การให้บริการ การตรวจบัตรโดยสาร การออกตั๋วโดยสารอัตโนมัติ รวมถึงการตรวจสอบแบบสแกนใบหน้า (Biometric) จะนำร่องที่สนามบินกระบี่ก่อน คาดว่าจะให้บริการได้ในปี 71 แต่ผู้โดยสารจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้น โดยจะพิจารณาดำเนินการสนามบินที่มีการจราจรสูงเพื่อช่วยให้ขั้นตอนต่างๆ เร็วขึ้น แต่หากสนามบินใดปริมาณการจราจรไม่ได้สูงก็ชะลอไปก่อนเพราะจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้โดยสาร
ทั้งนี้ สนามบินกระบี่มีจำนวนผู้โดยสารราว 2-3 ล้านคน/ปี
ปัจจุบัน ทย.ดำเนินการปรับปรุงไปแล้ว 7 แห่ง ได้แก่ สนามบินกระบี่ สนามบินสุราษฎร์ธานี สนามบินนครศรีธรรมราช สนามบินตรัง สนามบินอุบลราชธานี สนามบินขอนแก่น และ สนามบินพิษณุโลก ส่วนที่กำลังดำเนินการปรับปรุง คือ สนามบินอุดรธานี ซึ่งสนามบินที่ได้รับการปรับปรุงแล้วจะจัดเก็บค่า PSC ที่ 75 บาท/ราย ส่วนสนามบินเดิมยังคงเก็บค่า PSC ที่ 50 บาท/ราย
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณปี 69 ทย.ได้รับงบลงทุน 4,600 ล้านบาท ที่นำไปใช้ในการปรับปรุงสนามบิน การขยายรันเวย์
นายดนัย เรืองสอน อธิบดี ทย. เปิดเผยว่า ทย.ได้ทำการศึกษาการขยายความยาวรันเวย์ของสนามบินเบตงจาก 1,800 เมตรเป็น 2,500 เมตร เพื่อรองรับเครื่องบินแอร์บัส 320, แอร์บัส 321 NEO หรือ โบอิ้ง737 ได้ เนื่องจากหลายสายการบินทยอยยกเลิกใช้เครื่องบินใบพัด ATR แล้ว และหันมาใช้เครื่องบินลำตัวแคบรุ่นดังกล่าว คาดว่าจะได้ข้อสรุปผลการศึกษาว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ก่อนสิ้นปี 68 โดยไม่ได้พิจารณาในแง่การท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่ปัจจุบันประชาชนใช้ถนนเดินทางไปมาเพราะมีสภาพดีขึ้นมาก และความปลอดภัยด้านภัยก่อการร้ายแล้ว
นางสาวมัลลิกา กล่าวว่า ทย.ได้ขยายรันเวย์ในสนามบินชุมพร และสนามบินระนอง เพื่อรองรับกับโครงการแลนด์บริดจ์ และการท่องเที่ยว
นายดนัย กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนการขยายรันเวย์สนามบินชุมพร จาก 2,100 เมตร ปรับเป็น 2,990 เมตร ใช้งบลงทุน 1,500 ล้านบาท ระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 68 คาดแล้วเสร็จในปี 71 ยังอยู่ในกระบวนการจัดทำรางานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ขณะที่สนามบินระนอง จะขยายรันเวย์จาก 2,000 เมตร เป็น 2,400 เมตร งบลงทุน 1,500 ล้านบาทเริ่มตั้งแต่ปี 68 คาดแล้วเสร็จในปี 70 ซึ่งได้ผ่าน EIA แล้ว รอการใช้ที่ดินซึ่งเป็นของเทศบาลท้องถิ่นอนุญาต
การขยายรันเวย์ทั้ง 2 สนามบินเพื่อรองรับกับเครื่องบินที่ใหญ่ขึ้น จากที่รองรับเครื่องบินไบพัด ATR ให้สามารถนำเครื่องบิน A320 หรือ A321 มาทำการบินได้
ปัจจุบัน กทย.มีสนามบินภูมิภาคที่อยู่ภายใต้การบริหาร 28 แห่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 68)
 
								




