
นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง กล่าวในงานมอบรางวัลส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม กับ กอช. ประจำปี 2568 เนื่องในวันออมแห่งชาติ ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการออม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ ในการพัฒนาระบบการออมให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ สอดคล้องกับนโยบายด้านเศรษฐกิจที่รัฐบาล ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ภายใต้นโยบายเร่งด่วน “Quick Big Win” ด้วยแนวคิด “กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว”
โดยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้นำนโยบายดังกล่าว มากำหนดเป็นแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงาน 5 เสาหลัก และ 1 ฐานราก เพื่อเร่งรัดการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งประกอบด้วย เสาที่ 1 กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เสาที่ 2 ลดภาระหนี้ประชาชน เสาที่ 3 เพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ SMEs เสาที่ 4 เพิ่มการออมภาคประชาชน และเสาที่ 5 การสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต พร้อมทั้งฐานรากการรักษาเสถียรภาพทางการคลัง
นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการออมเพื่อการเกษียณ ซึ่งเป็นไปตามแผนนโยบายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม รวมทั้งแผนปฎิรูปประเทศด้านสังคม ประเด็นปฎิรูปที่ 1 กำหนดการปฏิรูปการออม สวัสดิการสังคม และการลงทุนเพื่อสังคม
โดยหนึ่งในกิจกรรมที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชน คือ ระบบการออมเพื่อสร้างหลักประกันรายได้หลังวัยเกษียณที่เพียงพอและครอบคลุม ในกลุ่มแรงงานทั้งในและนอกระบบ ซึ่งตรงตามภารกิจหลักของ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
“กอช. เป็นองค์กรหลักในการส่งเสริมและขับเคลื่อนการออมภาคสมัครใจ สำหรับแรงงานนอกระบบทั่วประเทศ ครอบคลุมกลุ่มผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ค้าขาย และผู้ประกอบอาชีพอิสระ ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงาน เพื่อให้สามารถสร้างหลักประกันทางรายได้ในวัยเกษียณ ผ่านเงินออมของตนเอง ซึ่งการออมเงินกับ กอช. เริ่มต้นออมเพียง 50 บาทต่อครั้ง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินสมทบจากรัฐ ตามช่วงอายุในเดือนถัดไป สูงสุด 100% แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี ยังมีผลตอบแทนจากการบริหารกองทุนอีกด้วย นับว่าเป็นแรงจูงใจสำคัญในการสร้างเสถียรภาพทางการเงินและยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานนอกระบบ เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุได้เป็นอย่างดี” นายเบญจรงค์ กล่าว
ขณะเดียวกัน กอช. ยังได้ริเริ่มโครงการ “สลากออมทรัพย์เพื่อการดำรงชีพในยามชราภาพ” หรือ “สลาก กอช.” ซึ่งเป็นนวัตกรรมการออมรูปแบบใหม่ ที่นำเอาวิถีชีวิตของคนไทยมาสร้างแรงจูงใจให้เกิดการออมเงินผ่านสลาก กอช. ซื้อแล้วเงินไม่หาย กลายเป็นเงินออมทุกบาท เพื่อส่งเสริมให้คนไทยรู้จักเก็บออม และมีหลักประกันทางรายได้ในอนาคต โดยมั่นใจว่า โครงการนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ลดภาระด้านสวัสดิการสังคม และการคลังของภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ

น.ส.จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2541 กำหนดให้วันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี เป็น”วันออมแห่งชาติ” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยมีวินัยรักการออม การวางแผนทางการเงิน รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของการออมเงิน
และปัจจุบัน ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยในปี 2574 จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด เพื่อการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่เข้มแข็ง โดยเริ่มวางแผนการเงินให้ตนเอง ด้วยการบริหารจัดการเงินให้งอกเงยและมั่นคง เริ่มการออมที่มีวินัยจะทำให้ถึงเป้าหมายในอนาคตได้ องค์ประกอบที่สำคัญของการออมเพื่อความมั่นคง จะต้องมีระยะเวลาที่ยาวพอ จำนวนเงินออม และผลประโยชน์ตอบแทนจากการออม
กอช. จึงเป็นทางเลือกการออมยืดหยุ่น ที่เหมาะสำหรับคนไทยที่ไม่มีสวัสดิการบำนาญ เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า แรงงานนอกระบบ นักเรียน นักศึกษาที่มีอายุระหว่าง 15-60 ปี เริ่มออมได้ตั้งแต่ 50 บาท สูงสุด 30,000 บาทต่อปี พร้อมรับเงินสมทบจากรัฐสูงสุดถึง 100% ตามช่วงอายุ ดังนี้
- อายุ 15 – 30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของเงินออม แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี
- อายุ >30 – 50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ของเงินออม แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี
- อายุ >50 – 60 ปี รัฐสมทบให้ 100% ของเงินออม แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี
นอกจากนี้ สมาชิกได้รับผลประโยชน์ตอบแทนของเงินออมสะสม เงินสมทบที่นำไปลงทุน ทั้งนี้ รัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนจากการลงทุนสำหรับสมาชิกที่ออมกับ กอช. ถึงอายุ 60 ปีบริบูรณ์ และเงินออมสะสมของสมาชิกสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี
ในปัจจุบัน กอช. มีจำนวนสมาชิกกว่า 2,817,745 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย.68) โดยสมาชิกส่วนใหญ่ 43.27% เป็นผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร รองลงมา เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ 28.94% และนักเรียน นักศึกษา 10.61%
ส่วนข่าวดีสำหรับคนไทยทุกคน ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป รัฐบาลได้มอบหมายให้ กอช. เดินหน้านวัตกรรมออมใหม่อย่าง “สลาก กอช.” เป็นสลากขูดแบบดิจิทัล ภายใต้แนวคิด “ลุ้นโชคเงินไม่หาย กลายเป็นเงินออม” ให้คนไทยทุกคนได้มีเงินออมมากขึ้น สามารถซื้อได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น กอช. ในราคาใบละ 50 บาท ซื้อได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน จำนวน 5 ล้านฉบับต่องวด ออกรางวัลทุกวันศุกร์ เวลา 5 โมงเย็น
รางวัลที่ 1 เงินรางวัล 1 ล้านบาท จำนวน 5 รางวัล
รางวัลที่ 2 เงินรางวัล 1,000 บาท จำนวน 1 หมื่นรางวัล
หากถูกรางวัล รับเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนของคุณทันที
แต่แม้จะไม่ได้ถูกรางวัลเลย แต่หากซื้อครบ 3,000 บาทต่อเดือน ตั้งแต่อายุ 15 ปี ในอนาคตก็จะมีเงินล้านเป็นของตัวเอง โดยสลากที่ซื้อ จะได้ลุ้นรางวัลงวดต่องวดเท่านั้น หากงวดไหนรางวัลออกไม่หมด จะถูกทบเป็นรางวัลพิเศษในงวดถัดไป
โดยจะได้รับเงินต้นที่ซื้อ สลาก กอช. พร้อมผลตอบแทนจากการลงทุนคืนทั้งหมดในคราวเดียว 4 กรณี คือ
1. เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์
2. พิเศษสุด คนไทยอายุมากกว่า 60 ปี จะได้รับคืนเมื่อครบ 5 ปี นับจากวันที่ซื้อครั้งแรก และสามารถออมได้อีกคราวละ 5 ปี
3. เสียสัญชาติไทย หรือ ทุพพลภาพ
4. เสียชีวิต เงินทั้งหมดจะตกเป็นของทายาท หรือผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้
แม้จะไม่ได้ถูกรางวัลเลย แต่หากซื้อครบ 3,000 บาทต่อเดือน ตั้งแต่อายุ 30 ปี ในอนาคตก็จะมีเงินล้านเป็นของตัวเอง
สำหรับร่าง พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ที่ผ่านการเห็นชอบจากวุฒิสภามาแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างนายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งกฎหมายจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 60 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในระหว่างนี้ กอช. ได้นำเสนอร่างกฎกระทรวง เกี่ยวกับรายละเอียดรูปแบบ การออกรางวัลให้ รมว.คลังได้พิจารณา เพื่อนำเข้าคณะรัฐมนตรีต่อไป
น.ส.จารุลักษณ์ กล่าววา เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว ผู้ที่สนใจจะสามารถซื้อผ่านแอปพลิเคชัน “กอช.” และเครือข่ายพันธมิตรในอนาคตได้ การสมัครทำได้ง่าย เพียงใช้เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และเลขหลังบัตรประชาชน สำหรับผู้ที่ถูกรางวัล เงินรางวัลจะถูกโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ของท่านทันที
“ความร่วมมือนี้ จะสร้างความเชื่อมั่นแก่คนไทย ทำให้การออมเป็นเรื่องสนุก เสริมสร้างวินัยทางการเงิน และให้คนไทยมีชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคง” เลขาธิการ กอช. ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 68)
 
								



