
รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม 25% สำหรับรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ รวมถึงชิ้นส่วนของรถเหล่านี้ในวันนี้ (1 พ.ย.) ส่งผลให้ภาษีรวมของยานพาหนะประเภทดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 50%
ทำเนียบขาวระบุว่ามาตรการนี้มีจุดประสงค์เพื่อ “สนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศและปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ” โดยใช้บังคับกับรถบรรทุกบางรุ่นที่นำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งอาจกระทบต่อบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่ผลิตรถเพื่อการพาณิชย์
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ และภาษี 2% สำหรับรถโดยสาร แต่ตามประกาศที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2568 ได้อนุมัติให้เก็บภาษีรถโดยสารเพิ่มอีก 10% ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันนี้เช่นกัน
ตามนิยามของรัฐบาลสหรัฐฯ นั้น รถบรรทุกขนาดกลางมีน้ำหนักประมาณ 4.5 ตันขึ้นไป ส่วนรถบรรทุกขนาดใหญ่เริ่มต้นที่ประมาณ 11.8 ตัน รวมถึงรถกระบะขนาดใหญ่และรถบรรทุกขนส่งสินค้า
ในปี 2567 สหรัฐฯ นำเข้ารถบรรทุกดีเซลน้ำหนักระหว่าง 5 ถึง 20 ตันจากญี่ปุ่นจำนวน 15,700 คัน คิดเป็นประมาณ 19% ของยอดนำเข้ารถในช่วงน้ำหนักดังกล่าวทั้งหมด ตามข้อมูลขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศต้นทางใหญ่อันดับ 3 รองจากเม็กซิโกและแคนาดา
เช่นเดียวกับมาตรการภาษีในภาคส่วนอื่น ๆ รัฐบาลภายใต้การนำของทรัมป์ได้อ้างอิงมาตรา 232 ของกฎหมายขยายการค้าปี 2505 ซึ่งให้อำนาจสหรัฐฯ ในการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม หากการนำเข้าถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 พ.ย. 68)





