
กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (6 พ.ย.) ว่า ในเดือนก.ย. ค่าจ้างที่แท้จริง (real wages) ซึ่งเป็นค่าจ้างหลังหักผลกระทบจากเงินเฟ้อแล้ว ลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และนับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 โดยสาเหตุหลักเป็นเพราะเงินเฟ้อที่ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นนั้นตามไม่ทันกับราคาสินค้าที่แพงขึ้น
กระทรวงฯ ระบุว่า ค่าจ้างในรูปตัวเงิน (Nominal wages) ซึ่งเป็นรายรับเฉลี่ยต่อเดือนของแรงงานรวมเงินเดือนพื้นฐานและค่าล่วงเวลา เพิ่มขึ้น 1.9% มาอยู่ที่ 297,145 เยน (1,900 ดอลลาร์สหรัฐ) และเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันมา 45 เดือนแล้ว
ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคที่นำมาใช้คำนวณค่าจ้างนั้นสูงขึ้นถึง 3.4% ในเดือนก.ย. โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากราคาอาหาร ด้วยเหตุนี้ ค่าจ้างที่แท้จริงซึ่งเป็นตัวชี้วัดกำลังซื้อของผู้บริโภคจึงติดลบ
เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ กล่าวว่า จำเป็นต้องติดตามผลกระทบของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบรายปี ซึ่งคาดว่าจะมีผลตั้งแต่เดือนต.ค. เป็นต้นไปโดยขึ้นอยู่กับแต่ละจังหวัด
ญี่ปุ่นประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยทั่วประเทศขึ้น 6.3% แตะ 1,121 เยนต่อชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้น 66 เยน สำหรับปีงบประมาณ 2568 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมี.ค.
ขณะเดียวกัน ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้ค่าจ้างเติบโตเร็วกว่าระดับเงินเฟ้อ โดยชี้ว่า การแก้ปัญหาราคาสินค้าแพงเป็นวาระแห่งชาติอันดับหนึ่งของรัฐบาล
ทั้งนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็ให้ความสำคัญกับแนวโน้มค่าจ้างเช่นกัน โดยคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ระบุว่า ธนาคารต้องประเมินข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มค่าจ้างในประเทศก่อนตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 68)





