เงินบาทเปิด 32.38 ทรงตัวสอดคล้องภูมิภาค รอปัจจัยใหม่-จับตาทิศทาง Flow

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.38 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวใกล้เคียงกับช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.37 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่เข้ามา และข้อมูลที่ออกมายังขาดความต่อเนื่อง ส่วนคดีเกี่ยวกับมาตรการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีทรัมป์นั้น ตลาดรอดูความคืบหน้าว่าผลของคดีจะมีแนวโน้มอย่างไร

สำหรับปัจจัยในประเทศต้องรอดูความเคลื่อนไหวของเงินทุนระหว่างประเทศ (Flow) ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร และการค้าทองคำ

“บาททรงตัวตามตลาดภูมิภาคเพราะยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่เข้ามา วันนี้รอดูความต่อเนื่องของ Flow ที่เกี่ยวข้อง” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยน อยู่ที่ระดับ 153.10 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 153.73 เยน/ดอลลาร์
– เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1539 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1510 ดอลลาร์/ยูโร
– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.427 บาท/ดอลลาร์
– รมว.พาณิชย์ มอบหมายให้สำนักงานในจีนทุกแห่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนอย่าง ต่อเนื่อง จีนยังคงเป็นตลาดอันดับหนึ่งของไทย โดยมีมูลค่าการค้าไทย-จีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคมกันยายน) สูงถึง 108,639.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.08% เป็นมูลค่าการส่งออกของไทย 30,667.72
ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.13%
– พาณิชย์ เผย 8 เดือนปีนี้ ยอดใช้สิทธิ์ FTA พุ่ง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โต 8.40% อาเซียนครองแชมป์ใช้สิทธิ์สูงสุด พร้อมเดินเครื่องเร่งผลักดัน FTA ฉบับใหม่กับยุโรป-เกาหลีใต้ ปีงบ 69 ปักธงอบรมผู้ประกอบการใช้สิทธิ์ 1.2 พันราย
– รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมออกแพ็กเกจช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในสัปดาห์หน้า จะเน้นที่สภาพคล่องของเอสเอ็มอี และการปรับตัว โดยจะออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟต์โลนผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ) และมีมาตรการภาษีกรมสรรพากร เช่น พี่ช่วยน้อง ให้บริษัทใหญ่ช่วยซื้อสินค้าจากเอสเอ็มอี สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ และยังมีเรื่องคืนเงินภาษีให้เร็วขึ้น รวมทั้งใช้ระบบดิจิทัลในการสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) จากเอสเอ็มอี เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
– คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 5-4 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (6 พ.ย.) สวนทางกับการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%
– ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าววานนี้ว่า จะพิจารณาแผนสำรอง หากศาลฎีกาตัดสินไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลในประเด็นความชอบด้วยกฎหมายของมาตรการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ที่ใช้กับสินค้านำเข้าจากเกือบทุกประเทศ
– ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงอย่างมาก ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) หลังจากดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าราคาทองยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
– ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า เขามีความลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ทำให้ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญ
– ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ วันนี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, การคาดการณ์เงินเฟ้อเดือนต.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.
– นักลงทุนจับตาข้อมูลการค้าของจีนในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดส่งออกเดือนต.ค.ของจีนจะเพิ่มขึ้นเพียง 3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่พุ่งขึ้น 8.3% และคาดว่ายอดนำเข้าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.2% ชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 7.4%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ย. 68)