
ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า จีนอาจใช้มาตรการบางอย่าง เช่น การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ เพื่อตอบโต้เกาหลีใต้ที่พยายามสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์โดยร้องขอการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ผู้นำของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ได้ประชุมสุดยอดร่วมกันเมื่อวันที่ 29 ต.ค. โดยประธานาธิบดีอี แจ-มยองได้ขอให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อนุญาตให้เกาหลีใต้สามารถนำเชื้อเพลิงนิวเคลียร์มาใช้ในโครงการเรือดำน้ำ
ต่อมาในวันที่ 30 ต.ค. ทรัมป์โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า เขาได้อนุมัติให้เกาหลีใต้สร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ แทนเรือดำน้ำดีเซลรุ่นเก่าที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยจะดำเนินการก่อสร้างที่อู่ต่อเรือในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย
วิกเตอร์ ชา ประธานฝ่ายภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายต่างประเทศ และหัวหน้าประจำเกาหลีของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศ (CSIS) ของสหรัฐฯ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านรายการพอดแคสต์ของ CSIS โดยระบุว่า รัฐบาลเกาหลีใต้แสดงให้เห็นถึง “ความโน้มเอียงทางยุทธศาสตร์” ไปทางสหรัฐฯ
เขากล่าวว่า เขาประหลาดใจมากที่ทรัมป์อนุมัติให้เกาหลีใต้สร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ แต่เขาจะไม่แปลกใจเลยหากภายหลังจีนจะดำเนินการตอบโต้ในประเด็นดังกล่าว
“ผมจะไม่แปลกใจเลยหากจีนใช้มาตรการบีบบังคับทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีใต้” เขากล่าว
เขาได้เทียบเคียงกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่จีนใช้มาตรการคว่ำบาตรบริษัท 5 แห่งในเครือของฮันฮวา โอเชียน (Hanwha Ocean) ซึ่งเป็นบริษัทต่อเรือสัญชาติเกาหลีใต้ที่มีความเชื่อมโยงกับสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ความร่วมมือด้านการต่อเรือระหว่างสองชาติ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เรียกร้องให้พันธมิตรเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ และมีส่วนร่วมในการ “ป้องกันร่วมกัน” ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ด้านเกาหลีใต้ต้องการจัดหาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์มานานแล้ว เพื่อต่อกรกับขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ย. 68)





