SMO เดินหน้าขยายรง.ผลิตน้ำมันปาล์มดิบตามแผนหนุนรายได้เติบโตในอนาคต ยกเป็น Growth Stock

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.กลุ่มสมอทอง [SMO] เปิดเผยว่า SMO เปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ซึ่ง SMO ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนจากพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันชั้นแนวหน้าของประเทศไทย โดยหลังจากนี้ SMO จะเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า SMO ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน สะท้อนให้เห็นถึงความน่าสนใจของบริษัทฯ และนักลงทุนรับรู้ถึงปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่มีศักยภาพ มีโครงสร้างรายได้ที่มีความมั่นคง และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงมีแผนในการขยายธุรกิจที่ชัดเจน สร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคต ผลักดันให้สามารถขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพ และสร้างโอกาสในการเติบโตให้กับบริษัท โดย SMO ถือเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานธุรกิจมั่นคงและแข็งแกร่ง ด้วยความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มครบวงจร โดยเฉพาะด้านโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบที่มีประสิทธิภาพสูง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเกษตรพลังงานของประเทศ อีกทั้งยังโดดเด่นในฐานะ “หุ้นเติบโตสูง (Growth Stock)” ที่มีผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนศักยภาพในการดำเนินงาน การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของทั้งผู้บริหารและนักลงทุนอย่างชัดเจน

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.กลุ่มสมอทอง [SMO] เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีสำหรับการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรกของ SMO และมีความยินดีที่นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และการกำหนดราคาที่มีความเหมาะสม สะท้อนศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต

นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กลุ่มสมอทอง [SMO] เปิดเผยว่า การระดมทุนในครั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มในธุรกิจผลิต และจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ โดยมุ่งเน้นการขยายโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบไปในพื้นที่อื่นนอกเหนือจากที่กลุ่มบริษัทมี ซึ่งเป็นธุรกิจที่กลุ่มบริษัทมีความเชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม และลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องซึ่งอยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน ซึ่งเป็นการต่อยอดการผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจ และลงทุนในโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ

“วันนี้ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญของ SMO เรามีความยินดี และขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ร่วมกันทำงานหนักมาโดยตลอด และขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจ และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ เองก็หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนแบบนี้ตลอดไป และในฐานะผู้บริหารมั่นใจด้วยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและทิศทางการเติบโตที่ชัดเจน SMO พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อเสริมศักยภาพในทุกมิติ สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว” นายกิตติพงษ์กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 68)