
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน ได้มีมติอนุมัติโครงการ Data Center ขนาดใหญ่ 4 โครงการ เม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค และสร้างความมั่นคงทางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ ประกอบด้วย
- บริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด โครงการ Data Center ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เงินลงทุน 7,550 ล้านบาท เป็นบริษัทในเครือ KDDI ประเทศญี่ปุ่น ที่มีการลงทุน Data Center 45 แห่ง ในกว่า 10 ประเทศทั่วโลก
- บริษัท วิสตัส เทคโนโลยี จำกัด โครงการ Data Center ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี เงินลงทุน 9,091 ล้านบาท เป็นบริษัทในเครือ ZDATA Technologies ประเทศสิงคโปร์ มีการลงทุน Data Center มากกว่า 30 แห่งทั่วโลก
- บริษัท เน็กซ์เจน ดาต้า เซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด โครงการ Data Center ตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมของบริษัท นวนคร จังหวัดปทุมธานี เป็นโครงการระดับ Hyperscale เงินลงทุน 26,720 ล้านบาท
- บริษัท ซีนิท ดาต้า เซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด โครงการ Data Center ตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมของบริษัท นวนคร จังหวัดปทุมธานี เป็นโครงการระดับ Hyperscale เงินลงทุน 54,853 ล้านบาท
- ปรับเงื่อนไขกิจการ Data Center มุ่งสร้างสมดุลการลงทุนที่ยั่งยืน
ส่วนการเตรียมความพร้อมสำหรับแนวโน้มการลงทุนด้านเทคโนโลยี AI และบริการคลาวด์ ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลกนั้น บอร์ดบีโอไอได้เห็นชอบการปรับปรุงเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนกิจการ Data Center เพื่อกระตุ้นให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี และองค์ความรู้ให้กับบุคลากรไทย โดยกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าการจ้างงานในตำแหน่งผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญ จะต้องมีบุคลากรไทยไม่น้อยกว่า 50% ภายในเวลา 3 ปี และเพื่อเป็นกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสม จึงเห็นควรปรับสิทธิประโยชน์ให้การลงทุนในพื้นที่ EEC ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3-5 ปี และนอกพื้นที่ EEC ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5-8 ปี
ทั้งนี้ ในการส่งเสริมกิจการ Data Center ได้มีการกำหนดเงื่อนไขอื่น ๆ อยู่เดิมแล้ว เช่น มาตรฐานในการก่อสร้างและให้บริการ Data Center ตัวชี้วัดการใช้พลังงานไฟฟ้า (Power Usage Effectiveness: PUE) ระบบการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งต้องเสนอแผนสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย เช่น การจัดฝึกอบรม การจัดทำหลักสูตรร่วมกับสถาบันการศึกษา การทำวิจัยและพัฒนา การพัฒนาทักษะของผู้ประกอบการ SMEs ไทย การสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานในประเทศ โดยต้องดำเนินการตามแผนที่เสนอ ให้แล้วเสร็จก่อนการใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
“การปรับเงื่อนไขส่งเสริม Data Center ครั้งนี้ มุ่งสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีขั้นสูง การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการจ้างงาน และการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบุคลากรไทย บอร์ดเห็นว่าการส่งเสริม Data Center ยังมีความสำคัญต่อการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล กระตุ้นการพัฒนา AI และ Data Industry การให้บริการคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งสนับสนุนให้ไทยมุ่งสู่การเป็นดิจิทัลฮับของภูมิภาค” นายนฤตม์ กล่าว
- ติดตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ 74 โครงการ 3 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ บอร์ดบีโอไอ ได้รับทราบความคืบหน้าในการติดตาม และเร่งรัดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้รับอนุมัติในช่วงปี 2566-2567 จำนวน 74 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านบาท โดยมีโครงการที่เริ่มลงทุนแล้ว หรือมีแผนจะลงทุนที่ชัดเจนราว 80% ทั้งในแง่จำนวนโครงการ และมูลค่าเงินลงทุนที่ติดตาม แบ่งเป็นโครงการที่เริ่มลงทุนแล้วจำนวน 32 โครงการ (160,000 ล้านบาท) และโครงการที่จะเริ่มลงทุนในช่วงปลายปี 2568-2569 อีก 28 โครงการ (82,500 ล้านบาท)
ในส่วนอีก 14 โครงการที่เหลือ มีมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 61,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่ชะลอ หรือปรับเปลี่ยนแผนการลงทุน เนื่องจากประสบปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ซึ่งบีโอไอจะติดตามความคืบหน้า และประสานงานช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 68)





