
ปีนี้เป็นปีของทองคำอย่างแท้จริง ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาปรับขึ้นไปกว่า 50% ชนทุกเป้าหมาย ทะลุ 4,000 เหรียญ/ออนซ์ ไม่ใช่แค่ทองที่ราคาวิ่งไปมาก กลุ่มโลหะมีค่า (Precious Metal) ก็มาแรงไม่เบา ทั้ง เงิน แพลทินัม แพลเลเดียม ราคาขึ้นไปถึง 50-70% กันทีเดียว
แต่ทองและโลหะมีค่าเหล่านี้ ราคาจะยังวิ่งไปต่อไหม หรือจะหยุดแค่นี้ Wealth Me Please EP.นี้คุยกับ นายสมชัย อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.กรุงไทย เกี่ยวกับเทรนด์ราคาโลหะมีค่าว่าปัจจัยที่ผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้นมาได้มาจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าและการคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) การเข้าซื้อสะสมของธนาคารกลางหลายประเทศ ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ความกังวลต่อเงินเฟ้อสูง รวมถึงการลงทุนผ่านกองทุน ETF ทองคำ
แต่เมื่อไม่นานราคาทองถูกเบรกไว้ที่แถว ๆ 4,000 เหรียญ/ออนซ์หลังจากหลายๆ ปัจจัยคลี่คลาย แต่ยังไงก็ตามปัจจัยเรื่องความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ก็ยังมีต่อเนื่อง และอาจจะกลายเป็นปัจจัยหลักต่อราคาทองคำในระยะต่อไปจากนี้ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ นายสมชัย มองว่าปีหน้ายังอ่อนค่าอยู่แต่คงไม่อ่อนมากเท่าปีนี้ แม้จะยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำได้อยู่
“ก่อนหน้านี้ทองคำเป็นขาขึ้นมาโดยตลอด ทุกคนก็เติมเม็ดเงินไปเรื่อยๆ อย่างรอบที่ผ่านมาเริ่มเห็นการ Collection ของราคาทองคำลงมา จากที่เคยขึ้นไปทำ All Time High ลงมาตอนนี้ยืนเหนือ 4,000 เหรียญกว่าๆ ก็อาจทำให้คนอาจคิดมากว่าสุดท้ายราคาทองคำจะเป็นอย่างไร”
โดยจาก Bloomberg Consensus ให้เป้าหมายราคาทองคำปีนี้ที่ 4,000 เหรียญ/ออนซ์ ส่วนปี 69 ราคาเป้าหมาย 4,200 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งอัพไซด์มีบ้างแต่ไม่มาก ส่วนโลหะมีค่าตัวอื่น อาทิ เงิน แพลทินัม แพลเลเดียม ก็จะมีทิศทางเดียวกับทองคำ
นายสมชัย กล่าวแนะนำว่า ไม่ว่าราคาทองคำจะเป็นอย่างไร แนะควรมีการลงทุนทองคำในพอร์ตประมาณ 5-10% หรือเต็มที่สัดส่วน 15% ซึ่งการลงทุนทองคำมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเข้าไปซื้อในร้านทอง แต่วิธีนี้ต้องหาทางเก็บรักษาไว้ให้ดี หรือซื้อกองทุน ETF ที่มีทองคำ Back หรือเข้าซื้อในตลาด Futures หรือ กองทุนรวมทองคำ หรือลงทุนในบริษัทที่ทำเหมืองทองคำซึ่งราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมากกว่าราคาทองคำ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 68)




