
บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส [IVL] เปิดเผย Adjusted EBITDA อยู่ที่ 285 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 3/68 ลดลง 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการขายของบริษัทลดลง 3% QoQ และลดลง 9% YoY เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผน ขณะที่อุตสาหกรรมเคมียังคงได้รับผลกระทบจากภาวะอุปทานล้นตลาดและความต้องการที่ซบเซา ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจระดับมหภาคอย่างต่อเนื่องจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระเบียบใหม่ของตลาดเคมีโลก
ในเดือนมีนาคม 66 IVL ได้เปิดตัวแผน IVL 2.0 เพื่อรับมือกับวิกฤตพลังงานในยุโรป และความเหลื่อมล้ำด้านราคาในตลาดวัตถุดิบโพลีเอสเตอร์ระหว่างภูมิภาคตะวันออกและตะวันตกของโลกที่เกิดจากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ ผลประกอบการของภาคส่วนดังกล่าวในปี 68 และ 69 คาดว่าจะอ่อนตัวลง เนื่องจากการเจรจาด้านภาษียังไม่บรรลุผลและห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงมีความไม่ต่อเนื่อง
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม IVL กล่าวว่า แรงกดดันด้านมาร์จิ้นที่อุตสาหกรรมสร้างขึ้นต่อตัวเองในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มาตรการแก้ไขที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการและรัฐบาลในตลาดเคมีภัณฑ์หลัก เช่น จีน เกาหลีใต้ บราซิล และยุโรป ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่อุตสาหกรรมจำเป็นต้องเร่งสร้างแรงขับเคลื่อนเพื่อฟื้นฟูสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานให้กลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมภายใน 12–24 เดือนข้างหน้า เราหวังว่าจะเกิดการฟื้นตัวของการบริโภคที่ล่าช้าในลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นกับภาคการท่องเที่ยวหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในยุโรปที่กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมถึงการยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญที่สุดที่จะส่งผลเชิงบวกต่อภูมิภาคนี้ รวมถึงการหารือของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับกฏระเบียบการนำเข้าต่างๆ
ภายใต้ความพยายามอย่างต่อเนื่องในการรับมือกับสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่อ่อนตัวลง ทีมผู้นำของบริษัทฯ ที่ได้รับการเพิ่มศักยภาพได้มุ่งเน้นมาตรการเชิงโครงสร้างภายใต้แผน IVL 2.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโมเดลธุรกิจชั้นนำของบริษัท โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรปซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะท้าทายของอุตสาหกรรม มาตรการเหล่านี้ประกอบด้วยการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการสร้างกระแสเงินสด การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ และการสร้างนวัตกรรมด้านความยั่งยืน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 68 บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอยู่ที่ 985 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการแปลง EBITDA อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 121%
มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงาน ซึ่งรวมถึงการขายกิจการ Wellman International ในประเทศไอร์แลนด์ในไตรมาส 3 ช่วยลดต้นทุนคงที่ ปรับกำลังการผลิตให้เหมาะสม และทำให้พอร์ตธุรกิจของบริษัทมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ต้นทุนคงที่ลดลง 130 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 12 เดือนสิ้นสุดไตรมาส 3/68 (LTM 3Q25) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 66 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มดำเนินแผน IVL 2.0 นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะได้รับรายได้กว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 69 จากการขายที่ดินและทรัพย์สินในประเทศออสเตรเลีย เมืองรอตเตอร์ดัม และประเทศแคนาดา
“ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นการควบรวมกิจการและความร่วมมือทางธุรกิจเกิดขึ้นมากมายในอุตสาหกรรมนี้ในอีก 12–24 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกัน เรายังคงบริหารจัดการเงินลงทุนอย่างมีวินัย โดยมุ่งเน้นในการสร้างพันธมิตรในโครงการที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ซึ่งจะช่วยขยายธุรกิจในกลุ่มที่สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เราอยู่ในขั้นตอนที่ก้าวหน้าของความร่วมมือหลายโครงการ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของงบดุลและคุณภาพของผลประกอบการในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท”นายอาลก กล่าว
นอกจากความพยายามในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินทุนหมุนเวียนและการลดค่าใช้จ่ายแล้ว บริษัทยังคงรักษาแนวทางการจัดสรรเงินทุนอย่างรอบคอบ เนื่องจากระดับหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ยังคงอยู่ในระดับสูงท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
นายอาลก กล่าวถึงราคาหุ้น IVL ว่า มูลค่าหุ้นของอุตสาหกรรมโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพ โดยราคาหุ้นของบริษัทควรสะท้อนถึงความพร้อมของคณะบริหารในการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดและการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม ซึ่ง IVL กำลังดำเนินการปรับโครงสร้างดังกล่าวอย่างจริงจัง เพียงแต่ยังไม่สะท้อนให้เห็นในมูลค่าหุ้น เนื่องจากภาระหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ที่ยังอยู่ในระดับสูง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 68)





