สคบ. ลุยเอาผิดร้านค้าโกง “คนละครึ่งพลัส” หลังพบเรื่องร้องเรียนพุ่ง 66 เคส

นายสันติ ปิยะทัต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยข้อมูลจากการรับเรื่องร้องเรียนของประชาชน เกี่ยวกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พบว่า มีร้านค้าบางแห่งใช้สิทธิผิดเงื่อนไขในโครงการ เพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของมาตรการรัฐ ที่มุ่งช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง

โดย สคบ.ได้ประสานความร่วมมือไปยังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง, กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ให้ดำเนินการทางกฎหมายกับร้านค้าที่ทำผิดเงื่อนไขของโครงการ เพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภคไม่ให้ถูกเอาเปรียบ ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลเรื่องร้องเรียนผ่าน 10 คู่สาย สคบ. ระหว่างวันที่ 29 ต.ค.- 11 พ.ย.68 พบการร้องเรียนรวม 66 เรื่อง

สำหรับประเด็นที่ได้รับการร้องเรียน

อันดับ 1 คือ ร้านค้าปรับขึ้นราคาสินค้า หลังจากเข้าร่วมโครงการ จำนวน 29 เรื่อง

อันดับ 2 คือ ร้านค้าเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากราคาสินค้า จำนวน 6 เรื่อง

อันดับ 3 ร้านค้าติดป้ายว่าเข้าร่วมโครงการ แต่เมื่อผู้บริโภคสแกน QR Code ชำระเงิน กลับพบว่าไม่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 5 เรื่อง

อันดับ 4 ร้านค้าคิดค่าธรรมเนียมจากการชำระเงินผ่านโครงการ จำนวน 5 เรื่อง

อันดับ 5 ร้านค้าจำหน่ายสินค้าต้องห้าม เช่น บุหรี่ สุรา เบียร์ จำนวน 4 เรื่อง

โดยปัญหาทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสของร้านค้าบางส่วนที่เข้าร่วมโครงการ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการใช้สิทธิตามเงื่อนไขของโครงการ

รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องร้องเรียนโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ที่พุ่งถึง 66 เรื่องทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการกำกับดูแลเชิงรุก และการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนต่อมาตรการรัฐในระยะยาว ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงาน เพื่อดูแลร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง โปร่งใส และไม่เอาเปรียบประชาชน

“สคบ. จะช่วยดูแลเรื่องสิทธิของประชาชนในการใช้จ่าย ให้ความรู้เพื่อไม่ให้ถูกหลอก รวมถึงให้คำแนะนำกับร้านค้า ให้ทำธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่โก่งราคา ไม่โฆษณาเกินจริง หรือให้บริการไม่เป็นไปตามที่ระบุ” นายสันติ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากพบการเอาเปรียบหรือฝ่าฝืนเงื่อนไข จะมีการตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยจากการถูกโกง พร้อมทั้งได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง สะท้อนแนวทางการทำงานที่ “รวดเร็ว-เป็นธรรม-เท่าเทียม-ทั่วถึง”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 68)