
นายวิพุธ ศรีวะอุไร ประธานสภากรุงเทพมหานคร และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย นำคณะประกอบด้วย นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย, นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย, นายญาณกิตติ์ ห่วงทรัพย์ ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส.กทม.พรรคเพื่อไทย และคณะ สก.พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่บนถนนสามเสน ที่เกิดเหตุการณ์ถนนยุบหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพราะตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ใช้เวลากว่า 51 วันแล้ว ถนนยังซ่อมไม่เสร็จ ซึ่งสร้างผลกระทบต่อคนไข้ที่จะมาโรงพยาบาล นักเรียน นักศึกษา บริเวณนั้น
นอกจากนี้ ยังเกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่กระทบการทำมาหากินของประชาชน โดยอยากให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ประเมินความเสียหาย ทั้งถนน ท่อประปา เสาไฟฟ้า สาธารณูปโภค รวมถึงยังมีค่าใช้จ่ายภารกิจด้านการสนับสนุน การรื้อถอน โดยให้ทางผู้รับเหมาเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตรงนี้
นายวิพุธ กล่าวว่า แม้ว่าวันนี้ผลการสอบสวนยังไม่ออกมา แต่เชื่อว่าเมื่อผลออกมาแล้ว ต้องเร่งดำเนินคดีให้ผู้รับผิดชอบ ดำเนินการรับผิดชอบให้เร็วที่สุด โดยทางสภา กทม.จะเร่งติดตามเรื่องนี้ไปพร้อมกับฝ่ายบริหารด้วย
“ไม่ใช่ต้นทุนของผู้รับเหมาที่เสียไปเท่านั้น แต่ยังมีต้นทุนของประชาชน ที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันแถวนี้ ซึ่งต้องมีกรอบระยะเวลาในการคืนผิวถนนชัดเจน เพราะในแต่ละวัน มีคนเข้า-ออกโรงพยาบาลหลายพันคน ซึ่งคนไข้ไม่สามารถปฏิเสธการมาโรงพยาบาลได้” นายวิพุธ กล่าว
ด้านนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ผู้รับจ้างก่อสร้าง คือ บมจ. ช.การช่าง (CK) และ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ในนามกิจการร่วมค้า “CKST-PL Joint Venture” ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงในการดูแลรับผิดชอบก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีม่วงใต้ ซึ่งการก่อสร้างที่เกิดการผิดพลาด จึงก่อให้เกิดถนนยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่กว้าง 30 x 30 เมตร และลึกกว่า 20 เมตร
โดยภายหลังจากนั้น เมื่อเกิดเหตุแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 ต.ค.68 ว่า จะเร่งรัดและจัดการโดยด่วน มั่นใจว่าจะคืนผิวจราจรได้ในวันที่ 9 ต.ค.68 แต่จากวันนั้นจนมาถึงวันนี้ เวลาผ่านมาแล้วเดือนกว่า แต่พื้นผิวถนนยังคงใช้การไม่ได้ ไม่เหมือนที่ท่านได้เคยกล่าวไว้ว่า “พูดแล้วทำ” และที่พูดไว้ว่า “สั่งวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน” ดังนั้นอยากขอให้เห็นใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดในวงกว้าง
นอกจากนี้ อยากให้พิจารณาดำเนินคดีเอาผิด บริษัทผู้รับจ้างที่ทำให้ประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อน ถึงแม้ว่าบริษัทผู้รับจ้างจะเป็นบริษัทที่นายกฯ เคยบริหารงานเมื่อ 20 ปีก่อน และปัจจุบันได้เคยกล่าวไว้ว่า “ส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับซิโน-ไทยแล้ว” ก็ตาม ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้สังคมได้เห็นได้รับรู้ และคำนึงถึงความปลอดภัยในการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น และควรเรียกคืนความเชื่อมั่นการในก่อสร้างอุโมงค์ในจุดอื่นๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งควรเร่งรัดจริง และหาข้อสรุปได้โดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจ ความปลอดภัยให้กับประชาชนต่อไปได้ด้วย เพราะตอนนี้หลายจุดในกรุงเทพฯ มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งมีการดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์ที่รูปแบบคล้ายกันหลายจุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 68)





