
นายปัญญา ชุติสิริวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [JMART] แนวโน้มในไตรมาส 4/68 คาดผลการดำเนินงานของธุรกิจหลักเติบโตกว่าไตรมาส 3/68 โดยบริษัทเชื่อว่าจะเป็นช่วงที่การจัดเก็บหนี้ดีขึ้นเนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season รวมทั้งธุรกิจ JMART Mobile ที่จะมีการเติบโตจากสินค้า Flagship ในกลุ่มแบรนด์ต่าง ๆ หนุนยอดปล่อยสินเชื่อมือถือยังคงเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจค้าปลีกโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริม ยังมีดีมานด์จากผู้บริโภคที่ขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 4/68 มั่นใจว่ายอดขายจะเติบโต 20% จากไตรมาส 4/67 ที่มียอดขาย 2,602 ล้านบาท เนื่องจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์ต่าง ๆ อาทิ Iphone17 Xiaomi ทำให้ยอดขายกลุ่ม Retail กลับมาแข็งแรงเพิ่มขึ้น กลยุทธ์หลักยังมุ่งเน้นแคมเปญที่ทำให้สินค้าจับต้องได้ง่ายขึ้น การเพิ่มบริการ Lock Phone การขยายสาขา โดยในไตรมาส 3/68 มีจำนวนสาขา 281 สาขา และยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มในไตรมาส 4/68 อีก 20 สาขา
ด้านการลงทุนในบริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด หรือสุกี้ตี๋น้อย ปัจจุบันมีทั้งหมด 96 สาขา ซึ่งยังมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยปี 69 ตั้งเป้าเปิดสาขาสัปดาห์ละ 1 สาขาในพื้นที่ต่างตังหวัด ทั้งร้านสุกี้ตี๋น้อย Teenoi BBQ และ Teenoi Gold ขณะที่สิ้นเดือนนี้เตรียมเปิดสาขาในกรุงเทพอีก 2 สาขา
ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และพื้นที่ค้าปลีก ภายใต้การดำเนินงานของ บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท [J] ในงวด 9 เดือนปี 68 มีผลขาดทุนสุทธิ 245.8 ล้านบาท เนื่องจากการขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ แต่ในแง่ของรายได้ยังมีการเติบโตอยู่ที่ 522 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนปี 67 ที่มีรายได้ 450 ล้านบาท โดย Community Malls มีทิศทางรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทพยายามปรับ EBITDA ของธุรกิจโดยมุ่งเน้นการเพิ่มพื้นที่ขาย เพิ่มราคาต่อตารางเมตร รวมทั้งบริหารต้นทุนในศูนย์การค้าเพื่อทำให้ธุรกิจกลับมาแข็งแรงให้โดยเร็ว ขณะที่ Senera Senior Wellness ปี 68 เป็นแรกที่รับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปี โดยมองว่าในปี 69 จะมี EBITDA เป็นบวกได้
สำหรับธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและบริหารทรัพย์สินรอการขาย ภายใต้การดำเนินงานของ บมจ.เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส [JMT] เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้บริษัทมีการจัดเก็บหนี้ไม่ได้ตามคาด จึงต้องตั้งสำรองค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) โดยในไตรมาส 4/68 ทิศทางการจัดเก็บหนี้คาดจะยังทรงตัว แต่ลูกค้าบางกลุ่มเริ่มมีการชำระหนี้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่การซื้อหนี้ปัจจุบันเป็นช่วงที่สถาบันการเงินรอความชัดเจนจากมารตรการภาครัฐ ทำให้การซื้อหนี้ในไตรมาส 4/68 ปริมาณอาจไม่มาก แต่บริษัทก็มีความพร้อมในการประมูลหนี้เข้ามาเพิ่ม โดยในปี 69 บริษัทเตรียมงบลงทุนสำหรับซื้อหนี้ราว 1,500-2,000 ล้านบาท ขณะที่โอกาสในการจัดตั้ง JV AMC นั้น ต้องรอการพูดคุยกับสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้มีการพูดคุยอย่างชัดเจนกับสถาบันการเงินใด ๆ
บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย [SINGER] บริษัทยังมองเห็นการเติบโตของยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกไตรมาส และส่งโมเมนตัมมายังไตรมาส 4/68 จากการเปิดสาขาเพิ่มขึ้น รวมทั้งการขยายตัวเข้าไปสู่ Mobile Dealer ให้มากขึ้น โดยในไตรมาส 4/68 คาดยอดขายเติบโต 20% QoQ รวมทั้งมีแผนขยายสาขา 11 สาขาในไตรมาส 4/68
ขณะที่ บมจ.เอสจี แคปปิตอล [SGC] ในไตรมาส 4/68 คาดปล่อยสินเชื่อ Lock Phone ได้มากกว่า 900 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากยอดขายโทรศัพท์มือถือยังคงเติบโตต่อเรื่อง ทั้งช่องทางของกลุ่มบริษัท และผู้แทนจัดจำหน่าย ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 68 ปล่อยสินเชื่อได้เกินเป้าหมาย 8,000 ล้านบาท อยู่ทีราว 8,000-8,500 ล้านบาทในปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ย. 68)





