
นายชินดนัย ไชยยอง กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย [AMARC] เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 42.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163.8% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการบริการรวม 127.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.1% โดยเป็นรายได้จากบริการตรวจวิเคราะห์ 119.90 ล้านบาท ซึ่งยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท
“การเติบโตของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของรายได้ในกลุ่มบริการตรวจวิเคราะห์ ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างผลตอบแทนได้ดีต่อเนื่อง ความต้องการใช้บริการจากทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณงานและรายได้ขยายตัว อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันบริษัทยังสามารถบริหารต้นทุนการให้บริการและค่าใช้จ่ายในการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการปรับกระบวนการทำงานให้คล่องตัว ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการควบคุมค่าใช้จ่าย ส่งผลให้มีอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
นอกจากนี้ การทำตลาดเชิงรุกในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ยังช่วยเสริมการเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการส่งออกผักและผลไม้ ที่ต้องการบริการตรวจวิเคราะห์ซึ่งได้รับรองตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า ปัจจัยเหล่านี้ช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค
ขณะที่ผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 142.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 374.6% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30.09 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการบริการรวม 395.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการบริการรวม 257.08 ล้านบาท
“กำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากรายได้รวมที่เติบโต ส่งผลให้กำไรขั้นต้นในงวด 9 เดือนของปีนี้ อยู่ที่ 223.97 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้จากการให้บริการ โดยเฉพาะกลุ่มบริการตรวจวิเคราะห์ที่ขยายตัวอย่างโดดเด่น ขณะที่ต้นทุนบริการเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ต่ำกว่าการเติบโตของรายได้ สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น
บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานคุณภาพการให้บริการ ควบคู่กับการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลลัพธ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าของการลงทุนที่บริษัทฯได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การจัดหาเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ซึ่งล้วนมีส่วนช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตขึ้น” นายชินดนัย กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/68 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปี บริษัทประเมินว่ายังคงมีทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่สนับสนุนให้ผลประกอบการโดยรวมในปี 68 เติบโตอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อีกทั้งยังเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับแผนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวของบริษัท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ย. 68)




