
นางสาวอรพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง [TKN] เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 3/68 บริษัทฯ ทำรายได้จากการขาย 1,291.9 ล้านบาท ลดลง 11.5% และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 112.2 ล้านบาท ลดลง 16.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเห็นสัญญาณบวกที่สำคัญจากตลาดภายในประเทศที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้จากการขายสูงถึง 587.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการทำกิจกรรมการตลาดที่สม่ำเสมอและเข้าถึงผู้บริโภค รวมถึงนำเสนอสินค้าใหม่ๆ เช่น สินค้ากลุ่มสาหร่ายทอด รสป๊อปคอร์นชีสและรสซีฟู๊ดขนาดใหญ่, สินค้ากลุ่มสาหร่ายอบ รสกิมจิและรสคัตสึโอะดาชิ, สินค้ากลุ่มสาหร่ายย่าง แบบ Big Bag และกลุ่มสาหร่ายโรยข้าว (Topping) รสซีฟู๊ด ที่ได้คุณชมพู่และน้องเกลมาเป็นพรีเซนเตอร์
ส่วนตลาดต่างประเทศ บริษัทมีรายได้จากการขาย 704.6 ล้านบาท ลดลง 22.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัวในตลาดหลักอย่าง จีน สหรัฐอเมริกา และอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นสัญญานการฟื้นตัวในจีนมากขึ้น หลังบริษัทมุ่งเน้นทำตลาดในช่องทางออนไลน์ เช่น Tmall และ Taobao มากขึ้น และจัดแคมเปญใหญ่กระตุ้นการบริโภค และนำแบรนด์แอมบาสเดอร์ซีและนุนิวมาโปรโมทในช่องทางออนไลน์
ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 68 มีรายได้จากการขาย 3,931.6 ล้านบาท ลดลง 7.3% และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 297.1 ล้านบาท ลดลง 57.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนสาหร่ายปี 2567 ที่ราคาสูงที่สุดในรอบ 30 ปี และภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นจากการสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ BOI อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 กำไรขั้นต้นมีทิศทางดีขึ้นและพ้นจากจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากเริ่มทยอยใช้สาหร่ายฤดูกาลใหม่ที่มีราคาถูกกว่าปีก่อน 5-10% ควบคู่กับการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรในไตรมาสถัดไปอย่างชัดเจน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มุ่งเน้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยการผลักดันกลยุทธ์ “3 GO: GO FIRM, GO BOARD, GO GLOBAL” อย่างต่อเนื่อง พร้อมนำแนวทางการบริหารจัดการต้นทุนอย่างเข้มงวดมาใช้ควบคู่กันไป โดยมีแผนเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เรือธงใหม่ (Product Hero) จำนวน 1-2 ผลิตภัณฑ์ในปีหน้า ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจ Core Business ได้ดำเนินการผ่านกลยุทธ์ ‘3E’ ได้แก่ Efficiency เพิ่มประสิทธิภาพด้วย Automation/ AI, Extension ขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับพันธมิตร และ Establishment จัดตั้งโรงงานหรือบริษัทในโลเคชั่นใหม่ ขณะที่ธุรกิจใหม่ๆ มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและเร่งนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 1.) ผลักดันตลาดในประเทศเติบโตต่อเนื่อง ผ่านการทำกิจกรรมการตลาดและสินค้าใหม่ พร้อมดึงพรีเซนเตอร์ใหม่ “น้องเกล–ชมพู่” ช่วยขยายกลุ่มผู้บริโภคทุกวัย 2.) เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวบางส่วนในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีนที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 3.8% QoQ จากการทำแคมเปญออนไลน์ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงค่าเงินและการแข่งขันราคาในอาเซียนมากขึ้น 3.) ต้นทุนสาหร่ายและบรรจุภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งราคาสาหร่ายปี 2568 ต่ำกว่าปีก่อน 5-10% และมีการต่อรองต้นทุนบรรจุภัณฑ์ใหม่ ช่วยหนุนอัตรากำไรในไตรมาสถัดไป 4.) เปิดตัวบริษัทร่วมทุน “Popcorn Major” เน้นกลยุทธ์ synergy ด้านแบรนด์และช่องทางจัดจำหน่ายร่วมกัน คาดเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 เป็นต้นไป
5.) เดินหน้าขยายพอร์ตสินค้า Beyond Seaweed เปิดตัว “Super Groob” (บุกหม่าล่า) และ “Wow Corn” (ข้าวโพดอบกรอบ) 6.) เตรียมเสริมฐานการผลิตและตลาดในอาเซียนในอนาคต อยู่ระหว่างจัดตั้งบริษัทย่อยในอินโดนีเซีย เพื่อพัฒนาสินค้าเร็วขึ้น พร้อมหาพันธมิตร OEM ในประเทศเพื่อให้มีต้นทุนที่แข่งขันกับสินค้าท้องถิ่นได้ 7.) มุ่งเน้นพัฒนาแนวสุขภาพและความยั่งยืน ศึกษาตลาดยุโรป และผลิตภัณฑ์แนว Organic / Vegan / Low Sodium สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และ 8.) แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/68 ฟื้นตัว โดยเห็นการปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนและสินค้ากลุ่มใหม่ รวมถึงเดินหน้าบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุมมากขึ้น
“แม้ปี 68 จะเป็นปีที่ท้าทายจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ทั้งการแข่งขันด้านราคาจากคู่แข่งท้องถิ่น ภาวะเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของค่าเงิน แต่บริษัทฯ มีความมั่นใจในการวางแผนกลยุทธ์แบบยืดหยุ่นเพื่อปรับตัวต่อการแข่งขันในหลายรูปแบบ ทั้งในแผนระยะสั้นและระยะยาว ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุนที่รัดกุม มั่นใจว่าจะรักษาระดับยอดขายรวมปี 68 ให้เท่าปีก่อน” นางสาวอรพัทธ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ย. 68)





