
นายวิโรจน์ แหวนทองคำ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก.ได้ออกประกาศประกวดราคาเช่ารถโดยสาร EV จำนวน 1,520 คัน ด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) และให้เวลาในการจัดเตรียมเอกสารข้อเสนอ โดยกำหนดให้ยื่นเสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หรือ e-bidding ในวันที่ 23 ธ.ค. 68 ระหว่างเวลา 13.00 น.ถึง 16.00 น. และคาดว่าจะสรุปผลการประมูลได้ในเดือนธ.ค. 68 (กรณีไม่มีผู้ร้องเรียน) และลงนามสัญญาเดือนม.ค. 69 ตามแผนงาน จะเริ่มรับมอบรถชุดแรก จำนวน 500 คันในเดือนมี.ค. 69
สำหรับ TOR ที่ประกาศประมูลได้ผ่านการประชาพิจารณ์รวม 3 ครั้ง ซึ่งคณะกรรมการร่าง TOR ได้นำความคิดเห็นต่าง ๆ มาพิจารณาปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสม ในหลายประเด็น เช่น การกำหนดความยาวรถเป็นไม่น้อยกว่า 11 เมตร ภายในรถโดยสารมีที่นั่งผู้โดยสาร ที่นั่งสำหรับผู้พิการและที่นั่งพับเก็บได้ ไม่รวมที่นั่งคนขับ รวมกันไม่น้อยกว่า 31 ที่นั่ง ส่วนจำนวนบรรทุกผู้โดยสารรวม ไม่ได้กำหนด โดยให้เป็นไปตามมาตรฐานกรมขนส่งทางบก
ซึ่งการปรับขนาดความยาวรถจากเดิม ไม่น้อยกว่า 10.5 เมตร เป็นไม่น้อยกว่า 11 เมตร ทำให้มีการปรับราคากลางใหม่ จาก ราคากลางอัตราเช่า 19.70 บาท/กม./วัน/คัน หรือ 15,301.380 ล้านบาท เพิ่มเป็น 15,326.737 ล้านบาท อัตราค่าเช่า เฉลี่ยอยู่ที่ ประมาณ 20 บาท-21บาท/กม./วัน/คัน โดยกำหนดการวิ่งให้บริการขั้นต่ำ170 กม. /วัน/คัน สูงสุด 210 กม./วัน/คัน แบตเตอรี่บรรจุ 1 ครั้ง วิ่งได้ไม่น้อยกว่า 200 กม.
นอกจากนี้ ขสมก.สงวนสิทธิ์หลังครบสัญญาเช่า 7 ปี หากมีความต้องการซื้อรถ EV 1,520คัน ให้เอกชนพิจารณาเป็นรายแรก แต่การจะซื้อหรือไม่นั้น จะต้องมีการพิจารณาสภาพรถทั้งหมด และค่าเสื่อมด้วย และจะมีการพิจารณาตัดสินใจในช่วงก่อนครบสัญญาเช่า ประมาณ 3 ปี ตามหลักเกณฑ์ของสภาพัฒน์ และมีเวลาสำหรับการจัดหารถใหม่
นายวิโรจน์กล่าวว่า โครงการเช่ารถโดยสาร EV จำนวน 1,520 คัน รัฐจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าเหมาซ่อมหายไป ส่วนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงจะลดลง60-70%หรือ และหากมีการจัดหารถโดยสาร EV มาแทนรถปรับอากาศขสมก.รุ่นแก่าอีกประมาณ 800 คัน คาดว่าจะทำให้ผลดำเนินงานEbitdaเป็นศูนย์ในปี75 แต่หากยังจัดหามาทดแทนไม่ได้จะขยับไปเป็นปี 2579
TOR คงเดิมคุณสมบัติมีผลงานไม่ต่ำ 1,000 ล้านบาท
สำหรับ TOR ได้กำหนดให้ผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ มีรายได้จากการให้เช่าหรือเช่าพร้อมซ่อมบำรุงรถยนต์หรือรถโดยสารหรือประกอบกิจการขนส่งรถโดยสาร วงเงินไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท/ปี ในปีใดปีหนึ่งภายในระยะเวลา 5 ปี ล่าสุดก่อนวันยื่นข้อเสนอโดยอ้างอิงเอกสารงบการเงินที่ได้รับการรับรองผู้ตรวจสอบบัญชีที่ยื่นกับกรมสรรพากร หรือ เป็นผู้มีผลงานให้เช่า หรือเช่าพร้อมซ่อมบำรุงรถยนต์หรือรถโดยสารวงเงินไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อสัญญา เป็นผลงานในสัญญาเดียวเท่านั้น เป็นต้นซึ่งสัญญาดังกล่าวต้องเป็นสัญญาที่ผู้ยื่นข้อเสนอเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานเอกชนที่ขสมก.เชื่อถือได้
โดยกำหนดยืนราคาที่เสนอไม่น้อยกว่า 180 วัน ตั้งแต่วันเสนอราคา,กำหนดเวลาส่งมอบรถโดยสาร EV จำนวน 1,520 คัน และหัวจ่ายจำนวน 434 หัว ณ สถานที่ ที่ขสมก.กำหนด ภายในกรอบระยะเวลา 360 วัน นับถัดจากวันที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน
งวดที่ 1 ส่งมอบจำนวน500คันและระบบอัดประจุไฟฟ้าจะต้องมีหัวจ่ายไม่น้อยกว่า144หัวภายใน180วัน
งวดที่ 2 ส่งมอบจำนวน500คันและระบบอัดประจุไฟฟ้าต้องมีหัวจ่ายไม่น้อยกว่า144หัวภายใน330 วัน
งวดที่ 3 ส่งมอบจำนวน520คันและระบบอัดประจุไฟฟ้าจะต้องมีหัวจ่ายไม่น้อยกว่า146หัวภายใน360วัน
กรณีไม่ส่งมอบรถตามกำหนดแต่ละงวดจะปรับตามจำนวนรถโดยสารที่ส่งไม่ครบเป็นรายวันอัตรา 0.20% ของราคารถที่ยังไม่ได้ส่งมอบและผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องชดเชยความเสียหายจากการขาดรายได้ค่าโดยสารจำนวน 10,000 บาท/คัน/วัน ส่วนระบบอัดประจุไฟฟ้าที่ส่งไม่ครบเป็นรายวันปรับในอัตรา 0.20% ของราคาระบบอัดประจุไฟฟ้าต่อวันตามจำนวนที่ส่งไม่ครบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ย. 68)





