
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญว่า เป็นไปตามกรอบที่ได้กำหนดไว้ โดยการประชุมวันนี้จะเป็นการจัดการเชิงธุรการทั้งหมด ซึ่งในวันที่ 26 พ.ย.จะเชิญผู้ที่แปรญัตติ ซึ่งมี สว. 4 คน สส. 2 คนเข้ามา แปรญัตติในมาตราต่าง ๆ ที่ไม่เห็นด้วยแต่ในบางประเด็นทางกมธ.ฯ ก็ได้ปรับแก้ไปตามที่สมาชิกได้แปรญัตติไว้แล้ว เช่น เราพิจารณาแล้วเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 156 เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกำหนดการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นจะต้องมีการแก้ไข
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณากฎหมายเสร็จทั้งหมดจะต้องมีการบรรจุร่างรายงานส่วนคำสงวนบางส่วนของผู้แปรญัตติและกรรมาธิการที่เห็นต่าง และอีกหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับสูตร 20 หยิบ 1 ทั้งนี้ทางกรรมาธิการจะพิจารณารายงานร่วมกันในช่วงบ่ายของวันที่ 26 พ.ย. หากเป็นเช่นนั้นเราจะพิจารณาได้จบสิ้นและส่งให้ประธานรัฐสภา อย่างช้าที่สุดในวันที่ 27 พ.ย. แต่หากพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อยก็จะส่งรายงานได้เลย
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ว่า จะมีการขอพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมวิสามัญหรือไม่ และหากมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป ทางกรรมาธิการก็พร้อมพิจารณาในสภาต่อไป
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทางกมธ.ฯ มีความห่วงใย คือ การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จถึงวาระ 3 หรือไม่เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่เหมือนกับกฎหมายอื่น เมื่อพิจารณาวาระ 2 เสร็จรัฐธรรมนูญจะต้องรอไว้ 15 วันก่อนลงมติวาระ 3 หากมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญในวันที่ 1 ธ.ค. เพื่อพิจารณาวาระ 2 การลงมติในวาระ 3 อาจจะเกิดขึ้นในวันที่ 16 ธ.ค. เป็นต้นไป หรือถ้าเปิดประชุมสมัยวิสามัญ วันที่ 8 ธ.ค.เป็นต้นไปการพิจารณาวาระ 3 จะเกิดขึ้นในปลายเดือนธ.ค.
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในที่ประชุมยังเห็นตรงกันให้นำข้อความหมวด 1 และหมวด 2 จากรัฐธรรมนูญปี 2560 มาใส่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่มีการแก้ไขถ้อยคำ ส่วนจะมีกรรมาธิการคนอื่นเห็นเป็นอย่างไรก็คงจะมีการไปลงมติในที่ประชุมรัฐสภา
เมื่อถามว่าสถานการณ์การเมืองหากมีการยุบสภา ห่วงหรือไม่ว่าอาจจะทำให้สิ่งที่เราทำมาสูญเปล่าหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่เป็นห่วงก็ไม่ได้ ก่อนหน้านี้กมธ.ฯ เคยพูดคุยเรื่องนี้ในตอนต้นของการประชุมเราควรจะโฟกัสที่เนื้อหามากกว่า จึงมีการวาง สถานการณ์การเมืองไว้ก่อน แต่เชื่อว่าน่าจะไม่มีการยุบสภาก่อนพิจารณาวาระ 2 เสร็จสิ้น
ส่วนจะมีการพิจารณาถึงวาระ 3 หรือไม่เนื่องจากมีการรอระยะเวลา 15 วันนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า แม้จะบอกว่าไม่ได้ห่วงขนาดนั้น แต่ในเมื่อเราเดินมาถึงขั้นนี้แล้ว จะเห็นว่าการปลดล็อคการแก้รัฐธรรมนูญเกิดยากมากในรอบ 8-9 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงจะเป็นโอกาสที่ดีที่ใกล้เคียงที่สุดในการจะนำไปสู่การแก้ไขได้ จึงไม่อยากให้มีอุปสรรคหรือปัญหาทางการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นมาเป็นข้อจำกัดหรือเป็นปัญหาต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“ในนามของกรรมาธิการจึงขอโอกาสอยากให้รัฐธรรมนูญที่เราลงทุนลงแรงรับหลักการอย่างเอกฉันท์ คณะกรรมาธิการประชุม 15 ถึง 16 ครั้ง ได้ผลิดอกออกผล กลายเป็นรัฐธรรมนูญที่ปลดล็อค แต่เราก็คิดถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่สำหรับพวกเราเองเราอยากผลักดันให้การแก้ไขรัฐครั้งนี้สำเร็จก่อนปีใหม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นการยุบสภาหรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขที่อาจจะทำให้รัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จ พวกผมก็อยากขอโอกาสทำให้แล้วเสร็จ เพื่อเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนสูงสุด แต่เราก็พร้อมทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหวังว่าจะไม่มีอะไรที่มาขัดขวางหรือมาขัดแย้งกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในรอบนี้ …ดังนั้นขอให้รออีกไม่เกิน 15 ถึง 16 วันได้หรือไม่ ก่อนจะมีสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงใด ๆ พวกเราอยากให้เป็นเช่นนั้น และผม ก็สนับสนุนความคิดของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่าไม่ควรจะเอาสองเรื่องมาผูกกัน เพราะจะสะท้อนว่ารัฐบาลจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงหรือไม่” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค.จริง รัฐบาลเองก็ไม่สามารถยุบสภาได้ในเมื่อในเมื่อยุบสภาไม่ได้ ก็ขอรอให้พิจารณารัฐธรรมนูญให้จบไปพร้อมกันได้หรือไม่
ส่วนที่มีกระแสข่าวจะยุบสภาก่อนยื่นอภิปรายนั้น ตนก็ไม่สามารถก้าวล่วงการแก้ปัญหาของรัฐบาลได้ และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดจะจบลงแค่วาระ 2 ซึ่งในทางกฎหมายอาจไม่ตกไป 100% อยู่ที่ว่ารัฐบาลใหม่จะหยิบขึ้นมา พิจารณาต่อหรือไม่แต่ในความเป็นจริงต้องยอมรับว่าเมื่อตกไปก็เสมือนเริ่มกระบวนการใหม่อีก ซึ่งไม่รู้ว่ามีฉันทามติอย่างไร ฉะนั้นแม้จะมีความกังโดยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายหรือโดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่า ความกังวลน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งแต่ท้ายที่สุดหากเราสามารถเดินหน้าได้ ในเวลาที่เหลืออีกไม่มาก ทำไมเราถึงจะไม่ทำเรื่องเหล่านี้ให้เสร็จสิ้นก่อน จึงขอส่งสัญญาณแรง ๆ เนื่องจากมีการตั้งคำถามว่าทำไมไม่รอให้กรรมาธิการทำวาระ 3 ให้เสร็จจนนำไปสู่การตั้งคำถามประชามติรอบเดียว ประชาชนจะได้ไม่เสียโอกาสในการใช้สิทธิ์ หากเป็นเช่นนั้นจริงอยู่ที่ฉันทามติของประชาชนว่าจะเห็นควรแก้หรือไม่ ซึ่งไม่ควรเป็นสิ่งที่เอาประเด็นทางการเมืองไปจำกัดการใช้สิทธิ์ของประชาชน
“ในนามของกมธ.ฯเราเดินมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็อยากให้จบอย่างมั่นใจ และอยากขอโอกาสให้จบเสียทีในช่วงโอกาสที่เราได้ทำ”นายณัฐวุฒิกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ย. 68)





