
น.ส.ลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เห็นชอบให้นำ “ร่างกรอบท่าทีของประเทศไทย” ต่อวาระการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 20 (CoP20) เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
การกำหนดกรอบท่าทีของไทยต่อวาระการประชุม CoP20 มีเป้าหมายสำคัญ 3 ด้าน คือ ปกป้องทรัพยากรสัตว์ป่า-พืชป่าหายากของไทย และของโลก ลดและปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่า-ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมาย รักษาสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการค้าอย่างยั่งยืน ไม่ให้กระทบเศรษฐกิจและชุมชนที่พึ่งพาทรัพยากร
1. คุมเข้มเต่าบก-เต่าน้ำจืด และการลักลอบค้า โดยไทยจะ “สงวนท่าที” ต่อร่างมติและข้อตัดสินใจเรื่องเต่าบก-เต่าน้ำจืด แม้เห็นด้วยกับการปราบปรามการค้าผิดกฎหมาย แต่ต้องพิจารณาผลกระทบต่อกฎหมายภายใน และความพร้อมด้านการบังคับใช้ในประเทศด้วย
2. จัดการสต็อกงาช้าง-ป้องกันสวมสิทธิ์งาช้างป่า โดยในประเด็นการจัดการสต็อกงาช้าง ไทยจะ “สงวนท่าที” ต่อร่างมติที่อาจทำให้ต้องเพิ่มมาตรการควบคุมสต็อกอย่างเข้มงวดขึ้น เนื่องจากไทยยังมีการค้าภายในประเทศ และต้องป้องกันการนำงาช้างป่ามาสวมสิทธิ์เป็นงาช้างบ้าน ควบคู่กับการปราบปรามการลักลอบนำเข้า
3. เสือในกรงเลี้ยง-ลดความเสี่ยงสู่การค้าผิดกฎหมาย ในประเด็นสัตว์ตระกูลเสือในกรงเลี้ยง ไทยจะ “สงวนท่าที” ต่อข้อเสนอให้ประเทศที่มีฟาร์มเสือจำนวนมาก ต้องดำเนินมาตรการลดจำนวนเสือที่ไม่มีคุณค่าทางอนุรักษ์ เนื่องจากต้องประเมินผลกระทบต่อมาตรการในประเทศ และภาคเอกชนอย่างรอบคอบ หากสนับสนุน อาจทำให้ไทยถูกกำหนดภาระเพิ่มเติม
4. ส่วนข้อเสนอเปลี่ยนแปลงบัญชีชนิดพันธุ์ กรณีที่ข้อมูลชัดเจนครบถ้วน และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของอนุสัญญา เช่น การปรับปลากระเบนแมนต้า-ปลากระเบนปีศาจบางชนิด จากบัญชี 2 ไปบัญชี 1 ไทยมีท่าที “สนับสนุน” เนื่องจากเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในประเทศอยู่แล้ว
5. ข้อเสนอที่มีผลกระทบต่อการค้าและตรวจสอบแหล่งที่มายาก เช่น การบรรจุปลาไหลทุกชนิดในสกุล Anguilla ไว้ในบัญชี 2 ไทยมีท่าที “ไม่สนับสนุน” เนื่องจากอาจกระทบต่อการค้าและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และสร้างภาระด้านการตรวจพิสูจน์ชนิดพันธุ์
6. ข้อเสนอที่ไม่มีผลกระทบต่อไทย หรือไทยมีมาตรการคุ้มครองเข้มงวดกว่ามาตรฐาน CITES อยู่แล้ว เช่น การปรับสถานะเหยี่ยวเพเรกริน ไทยจะ “สงวนท่าที” เพื่อลดความยุ่งยากในการอนุญาตนำเข้า-ส่งออกในอนาคต
น.ส.ลลิดา กล่าวว่า การประชุม CoP20 ครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะแสดงบทบาทในเวทีนานาชาติด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่า ควบคู่กับการพัฒนาระบบอนุญาตนำเข้า-ส่งออกให้เป็นไปตามพันธกรณีอนุสัญญา CITES อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับกฎหมายภายใน ทั้ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสกัดกั้นการลักลอบค้าสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าทุกช่องทาง พร้อมย้ำว่า ทุกท่าทีของไทยใน CoP20 จะต้องปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของชาติ รักษาภาพลักษณ์ประเทศ และไม่ทิ้งภาคเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องไว้ข้างหลัง” รองโฆษกรัฐบาล ระบุ
สำหรับการประชุม CoP20 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 พ.ย. – 5 ธ.ค. 68 ณ เมืองซามาร์คันด์ สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน โดยมีอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมประมง กรมวิชาการเกษตร เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ย. 68)




