
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมบูรณาการการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยระบุ สถานการร์น้ำท่วมมีบริเวณกว้างมาก ครอบคลุมในเขตอำเภอหาดใหญ่ ที่ถือว่าวิกฤติที่สุด และพื้นที่นั้นก็เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา ทั้งปัญหาเฉพาะหน้า ปัญหาในช่วงฟื้นฟู และการหาวิธีช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยให้กลับคืนสู่ภาวะปกติให้ดีที่สุด
นอกจากนี้ ได้มอบให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และรมว.คลัง หารือร่วมกับ รมว.แรงงาน รมว.พาณิชย์ รมว.ดีอี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งบูรณาการยกระดับประสิทธิภาพการแก้ไขวิกฤตอุทกภัยในอำเภอหาดใหญ่ ตลอดจนเขตจังหวัดในภาคใต้ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม
สำหรับการประชุมวันนี้จะมีการเตรียมมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิต ฟื้นฟูสภาพได้เร็วที่สุด เราตั้งกรอบการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟู โดยรัฐบาลได้เชื่อมโยงเครือข่าย ทรัพยากร และการสื่อสารให้เป็นทิศทางเดียวกัน ให้การทำงานสอดคล้องกับสถานการณ์
โดยมีการตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ และติดต่อสื่อสารโดยตรงกับส่วนหน้า ที่อยู่ในอำเภอหาดใหญ่ โดยกระทรวงมหาดไทย พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลและการทำงานด้วยกัน นี่คือกรอบที่ตนขอมอบให้ที่ประชุมได้ทำการหาหนทางพิจารณา เร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดการดำเนินการโดยเร็วที่สุด
นายเอกนิติ กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้มีการตั้ง “ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือเครือข่ายวายุภักษ์” เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแก่ผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ โดยบูรณาการความร่วมมือกับทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง
โดยมอบหมายให้นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานในการบูรณาการการปฏิบัติงาน ให้ทุกหน่วยงานในสังกัดนำกรอบการช่วยเหลือผู้ประสบภัย 3 ระยะ คือ ช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟู เร่งออกมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างเป็นระบบ ตามขอบเขตความรับผิดชอบอย่างเต็มกำลัง โดยมีศูนย์อำนวยการช่วยเหลือเครือข่ายวายุภักษ์เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ และติดตามสถานการณ์จากส่วนกลางอย่างใกล้ชิด
ระยะที่ 1 ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน อาทิ
– ตั้งศูนย์รับบริจาคสิ่งของจำเป็น ณ อาคาร 150 ปีกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นจุดรวมของบริจาคจากหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ภายใต้กระทรวงการคลัง รวมทั้งรับบริจาคจากภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป โดยเน้นรับสิ่งของที่ผู้ประสบภัยต้องการจริง เช่น อาหารพร้อมรับประทาน น้ำ ยารักษาโรค เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ไฟฉายพร้อมถ่าน เพาเวอร์แบงค์ เป็นต้น
– กรมบัญชีกลางได้ออกแนวทางปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างช่วงเกิดเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อให้ภาครัฐเร่งจัดการแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ด้วยแล้ว
– ให้กรมธนารักษ์ จัดหาพื้นที่ราชพัสดุ เพื่อใช้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยเร่งด่วน พร้อมทั้งบริหารจัดการดูแลผู้ประสบอุทกภัยที่เข้ามาใช้พื้นที่ศูนย์พักพิง
ระยะที่ 2 เยียวยาให้ผู้ประสบภัยกลับมาตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว
กระทรวงการคลังจะบูรณาการหน่วยงานในสังกัดทั้งหมด ในการออกมาตรการเยียวยาทั้งประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบหลังน้ำท่วมลดระดับอย่างครอบคลุม อาทิ
– การพักชำระหนี้
– การลดดอกเบี้ย
– การออกสินเชื่อพิเศษ ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับผู้ได้รับผลกระทบ เช่น ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ร้านค้า
– การมอบเงินเยียวยา
– การประสานให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เข้ามามีบทบาทในการเร่งระยะเวลาและดูแลการเคลมประกันภัย
– การจัดตั้งศูนย์พักพิงสำหรับประชาชนที่ยังไม่สามารถอาศัยในที่พักของตนได้
– การขอความร่วมมือจากรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องผ่าน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อช่วยในการฟื้นฟูกิจการและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยซึ่งจะเป็นการบูรณาการความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ
ระยะที่ 3 ฟื้นฟูให้การดำเนินชีวิตและธุรกิจกลับมาได้
กระทรวงการคลังจะออกมาตรการฟื้นฟูที่จำเป็นสำหรับผู้ได้รับผลกระทบในภาพรวม โดยเน้นมาตรการที่เป็นประโยชน์ สามารถช่วยสนับสนุนผู้ได้รับผลกระทบให้สามารถฟื้นฟูอาชีพ และชีวิตความเป็นอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การออกสินเชื่อฟื้นฟู ซึ่งจะได้มีการพิจารณาออกมาตรการตามความเหมาะสม และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
“การช่วยเหลือผู้ประสบภัยต้องทำอย่างเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการทำงานอย่างเป็นระบบและบูรณาการทรัพยากรของกระทรวงและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังให้ไปถึงประชาชนและภาคธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายสำคัญในตอนนี้คือทำให้ประชาชนในพื้นที่มีความปลอดภัยในชีวิต ขณะเดียวกัน หน่วยงานในสังกัด ทั้งภาคราชการ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และหน่วยงานในกำกับ จะดำเนินการเร่งออกมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูให้กับผู้ประสบภัยในครั้งนี้ โดยให้ความสำคัญกับการทำให้ชีวิตของประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ปลอดภัยและได้รับความช่วยเหลือในทุกมิติอย่างเร็วที่สุด และมีขวัญกำลังใจที่ดีตามมา” รมว.คลัง กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ย. 68)





