
สำนักข่าวเกียวโดรายงานวันนี้ (28 พ.ย.) ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยสถานการณ์แรงงานเดือนต.ค. พบอัตราการว่างงานทรงตัวอยู่ที่ 2.6% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แต่ยอดผู้ว่างงานกลับปรับตัวสูงขึ้น สวนทางกับจำนวนแรงงานหญิงที่เข้าสู่ตลาดแรงงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์
กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารรายงานสถิติล่าสุดว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นมีแรงงานหญิงในระบบถึง 31.59 ล้านคน ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลเมื่อเดือนม.ค. 2496 เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ วิเคราะห์ว่า สาเหตุที่ผู้หญิงออกมาทำงานกันมากขึ้นเป็นผลจากการปรับขึ้นค่าจ้าง ประกอบกับภาวะขาดแคลนแรงงานที่ยังดำเนินอยู่ ทำให้ภาพรวมสถานการณ์แรงงาน “ยังไม่ถือว่าแย่”
สำหรับสาเหตุที่ตัวเลขผู้มีงานทำและผู้ว่างงานขยับขึ้นพร้อมกันนั้น เกิดจากกลุ่มคนที่เคยอยู่นอกระบบแรงงานเริ่มกลับมาหางานทำอย่างจริงจัง ส่งผลให้ยอดผู้มีงานทำขยับขึ้นเล็กน้อย 0.2% เป็น 68.46 ล้านคน ส่วนยอดผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 2.2% อยู่ที่ 1.85 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นกลุ่มผู้ถูกเลิกจ้าง 460,000 คน (เพิ่มขึ้น 7.0%) และกลุ่มที่เพิ่งเริ่มหางานใหม่ 500,000 คน (เพิ่มขึ้น 4.2%)
อย่างไรก็ตาม สัญญาณความระมัดระวังของนายจ้างเริ่มปรากฏขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ชี้ว่าอัตราส่วนตำแหน่งงานว่างต่อผู้สมัครงานลดลงเหลือ 1.18 (มีงานรองรับ 118 ตำแหน่งต่อผู้หางาน 100 คน) ซึ่งต่ำกว่าระดับ 1.20 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ม.ค. 2565
ปัจจัยหลักที่ทำให้ตำแหน่งงานว่างลดลง มาจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศและภาคธุรกิจหันมาใช้ระบบชำระเงินด้วยตนเอง (Self-checkout) มากขึ้น ส่งผลให้การจ้างงานในภาคบริการที่พักและร้านอาหารลดลงถึง 16.1% และภาคค้าส่งค้าปลีกลดลง 12.8% มีเพียงภาคการศึกษาเท่านั้นที่เปิดรับคนเพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 68)





