UN คาดการท่องเที่ยวโลกปีนี้โต 3–5% แม้เผชิญเงินเฟ้อ-ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (27 พ.ย.) ว่า การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศทั่วโลกยังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 2568

UNWTO ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปนได้เปิดเผยรายงานการท่องเที่ยวโลกล่าสุด (World Tourism Barometer) ระบุว่า นักท่องเที่ยวประมาณ 1.1 พันล้านคนเดินทางระหว่างประเทศในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นราว 5% เมื่อเทียบรายปี

ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 8% ระหว่างเดือนม.ค.-ก.ย. ขณะที่ยังคงฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 แต่ตัวเลขยังต่ำกว่าระดับของปี 2562 ที่ 10%

ส่วนการเดินทางระหว่างประเทศไปยังทวีปแอฟริกาขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยแอฟริกาเหนือเพิ่มขึ้น 11% และแอฟริกาฝั่งใต้ทะเลทรายซาฮาราเพิ่มขึ้น 10% ขณะที่ยุโรปยังคงเป็นจุดหมายปลายทางใหญ่ที่สุดของโลก เนื่องจากมีจำนวนผู้เดินทาง 625 ล้านคนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบรายปี

ด้านทวีปอเมริกาเหนือมีจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศลดลงเล็กน้อยราว 1% ขณะที่อเมริกาใต้ขยายตัว 9% และอเมริกากลางเพิ่มขึ้น 3% โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการท่องเที่ยวในหลายจุดหมายปลายทาง

ซูรับ โปโลลิคาชวิลี เลขาธิการ UNWTO ระบุในแถลงการณ์ว่า การท่องเที่ยวระหว่างประเทศปี 2568 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่จำนวนผู้เดินทางและรายได้ โดยเฉพาะทวีปแอฟริกาและยุโรป แม้เผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูงในด้านบริการท่องเที่ยว รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ก็ตาม

ทั้งนี้ UNWTO คาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวระหว่างประเทศทั้งปีจะเติบโต 3–5% ในปี 2568 แต่ก็เตือนว่าความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และต้นทุนที่สูงยังคงเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มของภาคการท่องเที่ยว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 68)