สหรัฐฯ เดินหน้าขยายสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับเวียดนาม ควบคู่เจรจาการค้า

สหรัฐฯ มีเป้าหมายขยายและยกระดับความร่วมมือด้านกลาโหมกับเวียดนาม ควบคู่ไปกับการเดินหน้าเจรจารายละเอียดข้อตกลงการค้าระหว่างกัน โดยระบุว่าความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในอนาคต

มาร์ก แนปเปอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม กล่าวที่กรุงฮานอยในวันนี้ (13 ธ.ค.) ว่า ความร่วมมือด้านการค้ากลาโหมกำลังกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคี พร้อมชี้ว่า ทั้งสองประเทศมีผลประโยชน์ร่วมกันในการสนับสนุนทะเลจีนใต้ที่เสรีและเปิดกว้าง ตลอดจนการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่งของภูมิภาค

ในสัปดาห์นี้ เรือลาดตระเวนติดอาวุธนำวิถี USS Robert Smalls และเรือโจมตี USS Tripoli ได้เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือดานัง โดยนำกำลังทหารเรือและนาวิกโยธินของสหรัฐฯ ราว 2,300 นายเข้าสู่เมืองดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจตามปกติของกองเรือที่ 7 ท่ามกลางความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อประเด็นเสรีภาพในการเดินเรือและความมั่นคงในน่านน้ำพิพาทของทะเลจีนใต้

แนปเปอร์ระบุว่า ในปีหน้า สหรัฐฯ คาดว่าจะมีเรือรบเดินทางเยือนเวียดนามบ่อยขึ้น และจะมีโอกาสมากขึ้นสำหรับการพบปะและประสานงานระหว่างผู้นำกองทัพของทั้งสองประเทศ

ขณะเดียวกัน ผู้นำเวียดนามส่งสัญญาณหลายครั้งถึงแผนการจัดซื้อสินค้ารายการใหญ่จากสหรัฐฯ เพิ่มเติม รวมถึงอุปกรณ์ด้านกลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อช่วยลดดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 1.235 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ประเด็นดุลการค้าที่ไม่สมดุลดังกล่าวเคยสร้างความตึงเครียดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งในช่วงแรกได้กำหนดมาตรการภาษีตอบโต้ต่อสินค้านำเข้าจากเวียดนามสูงถึง 46% ก่อนปรับลดลงมาอยู่ที่ 20%

ทั้งนี้ สหรัฐฯ และเวียดนามยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อสรุปข้อตกลงการค้า โดยภายใต้กรอบความตกลงที่ทำเนียบขาวประกาศเมื่อเดือนต.ค. เวียดนามจะเปิดตลาดให้สินค้าภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมของสหรัฐฯ เกือบทั้งหมดในเงื่อนไขพิเศษ ขณะที่สหรัฐฯ จะยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าบางรายการจากเวียดนาม

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 68)