
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยแชร์ประสบการณ์การทำงานในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ในช่วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา จาก “Executor ข้าราชการประจำ สู่ Policy maker รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง” โดยระบุว่า
ช่วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา นอกจากหน้าที่การงานที่เปลี่ยนไป เวลาที่จะได้อยู่กับตัวเองก็หายไปเช่นกัน เพราะทุกอย่างเร่งรีบไปหมด ต้องทำงานแข่งกับเวลา 4 เดือน เพื่อคลอดมาตรการ 5 เสาหลัก 1 ฐานรากที่เรียกว่า ‘Quick Big Win’ ให้ครบ เพื่อ ’กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว‘ แต่ในที่สุด เวลาที่ได้ทำงานจริง ๆ มีแค่ประมาณ 2 เดือนกว่า ๆ ซึ่งสามารถคลอดมาตรการต่าง ๆ ได้เกือบครบตามที่ตั้งใจไว้
1. การออกแบบนโยบาย ‘Quick Big Win’
– ที่มาของชื่อ ’Quick Big Win‘: นายเอกนิติ กล่าวว่า ใครที่เคยร่วมงานกับตนที่กระทรวงการคลัง จะทราบว่า คำว่า ’Quick Big Win’ ไม่ใช่คำใหม่ แต่เป็นคำที่ใช้ในการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานต่าง ๆ แต่พอต้องออกแบบนโยบายที่ต้องทำใน 4 เดือนให้เกิดผลเชิงประจักษ์ ตนจึงนำ concept นี้มาใช้ในการออกแบบนโยบายเศรษฐกิจร่วมกับทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
– นโบบายที่ทำได้จริง จับต้องได้ เห็นผลเป็นรูปธรรม: การออกนโยบายในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ต้องคำนึงถึงทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจภาพรวม สังคม ธุรกิจ อุตสาหกรรม การเงิน ตลาดทุน การคลัง ที่สำคัญที่สุด คือ ประชาชน เป็นสัจธรรมที่เราไม่สามารถออกแบบนโยบายที่ถูกใจทุกคนได้ แต่ต้องตัดสินใจบนพื้นฐานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ
ดังนั้น นโยบายที่ออกแบบจะต้องทำได้จริง มุ่งแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น และยาว เห็นผลเป็นรูปธรรม และคำนึงถึงความคุ้มค่าของทรัพยากรที่มีจำกัด และวินัยการคลังควบคู่กันไป เช่น คนละครึ่งพลัส (เสาที่ 1) ที่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยให้มีการ upskill ร้านค้า เพื่อผลระยะยาว และผลที่ได้กระจายตัวไปทั่วประเทศ
2. หัวใจการขับเคลื่อนนโยบายทุกเสาหลัก คือ การ ‘บูรณาการ’ (Agile) ของทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน
– คนมักเข้าใจผิดว่าการบูรณาการ จะเกิดเฉพาะตอน execution แต่จริง ๆ แล้ว นโยบายที่มีประสิทธิภาพจะต้องเริ่ม ‘บูรณาการ’ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ
– การออกแบบนโยบายเพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน (เสาที่ 2) สภาพคล่อง SME ที่หดตัว (เสาที่ 3) รวมทั้งการส่งเสริมการออมเพื่อตอบโจทย์สังคมสูงวัย (เสาที่ 4) มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเกี่ยวข้องมากมาย ตั้งแต่กรมต่าง ๆ ในกระทรวงการคลัง แบงค์ชาติ NCB สมาคมธนาคารไทย สมาคมแบงค์รัฐ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า จนถึง ก.ล.ต. และ ตลท.
ดังนั้น การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูล พร้อมทั้งเปิดใจรับฟังว่าแต่ละหน่วย มีข้อเสนอและอุปสรรคอะไรบ้างตั้งแต่เริ่มต้น จะทำให้เกิดการ ‘บูรณาการ’ เชิงนโยบาย ซึ่งตามมาด้วย การ ’บูรณาการ‘ ในเชิงปฏิบัติของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ตั้งใจไว้
3. การออกแบบนโยบายจะไม่ประสบความสำเร็จเลย หากเราไม่รับฟังปัญหาที่แท้จริงของ ‘customer’ ในที่นี้หมายถึงผู้ประกอบการ
ในเสาที่ 5 – การลงทุนเพื่ออนาคต ได้มีการรับฟังปัญหา และอุปสรรคของนักลงทุนที่ได้รับบัตรส่งเสริม BOI ว่าติดปัญหาอะไร จึงเกิดโครงการ Thailand Fast Pass ขึ้น เพื่อปลดล็อคกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่เดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ โดยจับมือกับผู้ประกอบการพัฒนาหลักสูตรที่ตรงตามความต้องการของตลาด
4. การออกแบบนโยบายเศรษฐกิจ และการดำเนินงานทั้งหมดต้องตั้งอยู่บน ‘วินัยการเงินการคลัง’ โดยปรับแผนการคลังระยะปานกลาง เพื่อลดการขาดดุลภาครัฐ และแสดงความตั้งใจจริงในการรักษาวินัยการคลัง โดยการคืนหนี้ ธ.ก.ส. และการออกหลักเกณฑ์ ม. 28 เพื่อจำกัดการใช้นโยบายกึ่งการคลังให้มีความรัดกุม และรอบคอบมากขึ้น
5. นโยบายจากสัมฤทธิ์ผลสูงสุด ไม่ใช่แค่ทำได้จริง ตอบโจทย์ปัญหาทั้งระยะสั้นและยาวเท่านั้น อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ ‘เวลา’ และ ‘ความต่อเนื่อง’ เพื่อให้ทุกมาตรการมีผลเป็นรูปธรรม
“ผมคนเดียว ไม่สามารถขับเคลื่อนทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันจำกัด หากไม่ได้รับการสนับสนุน และความร่วมมือร่วมใจจากผู้บริหาร และข้าราชการกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สศช. BOI และกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐ และเอกชน ตั้งแต่ ธปท. ก.ล.ต. ตลท. สมาคมแบงค์รัฐ กกร. NCB ไปจนถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่อาจจะกล่าวถึงไม่หมด
พร้อมขอขอบคุณทีมงานเบื้องหน้า และเบื้องหลัง ตั้งแต่ผู้ช่วยฯ/เลขาฯ/ทีมที่ปรึกษาทางการ และไม่ทางการ/ทีมหน้าห้องของรองนายกฯ และรมว. คลัง ที่ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ โดยไม่ได้หยุดพักหายใจหายคอกันเลย ทุกคนยอดเยี่ยมมากครับ ขอบคุณทุกท่านจากใจจริง และท้ายสุด กราบขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่เห็นความตั้งใจ ความจริงใจ และให้โอกาสผม เข้ามาช่วยดูแลเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญนี้” นายเอกนิติ ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 68)




