
นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลีย เปิดเผยในวันนี้ (15 ธ.ค.) ว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะพิจารณาออกมาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในการครอบครองอาวุธปืน เพื่อตอบสนองต่อเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้น ณ หาดบอนได ของซิดนีย์
อัลบาเนซีกล่าวในการแถลงข่าวว่า เขาจะหารือเกี่ยวกับการคุมเข้มกฎหมายครอบครองอาวุธปืนในการประชุมฉุกเฉินกับเหล่าผู้นำรัฐและเขตต่าง ๆ ที่มีกำหนดจัดขึ้นในบ่ายวันนี้
อัลบาเนซีกล่าวว่า รัฐบาลกลางเตรียมพร้อมที่จะใช้ “ทุกมาตรการที่จำเป็น” เพื่อป้องกันการก่อเหตุในลักษณะเดียวกันในอนาคต โดยได้มีการกำหนดประเด็นที่อาจต้องมีการปฏิรูป ซึ่งรวมถึงการจำกัดจำนวนปืนที่สามารถออกใบอนุญาตให้แก่บุคคลได้ และการทบทวนใบอนุญาตอาวุธปืนตามระยะเวลาที่กำหนด
นายกฯ ออสเตรเลีย กล่าวว่า “สถานการณ์ของผู้คนเปลี่ยนแปลงได้ ผู้คนสามารถถูกปลูกฝังแนวคิดหัวรุนแรงได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ใบอนุญาตไม่ควรเป็นแบบตลอดชีพ”
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ยืนยันว่า หนึ่งในสองมือยิง ซึ่งเป็นชายวัย 50 ปี ที่ถูกตำรวจวิสามัญเมื่อคืนวันอาทิตย์ มีใบอนุญาตอาวุธปืนและเป็นเจ้าของปืน 6 กระบอกอย่างถูกกฎหมาย
คริส มินส์ มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงกฎหมายการครอบครองปืนของรัฐ
ทั้งนี้ เหตุการณ์กราดยิงดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว 16 ราย รวมถึงผู้ก่อเหตุวัย 50 ปี และเป็นเหตุกราดยิงที่ร้ายแรงที่สุดของออสเตรเลีย นับตั้งแต่มีผู้เสียชีวิต 35 รายจากเหตุกราดยิงที่พอร์ตอาเธอร์ในรัฐแทสเมเนียเมื่อปี 2539 ซึ่งเป็นชนวนให้มีการยกเครื่องกฎหมายอาวุธปืนครั้งใหญ่ของออสเตรเลีย โดยรวมถึงการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับอาวุธปืนอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 68)





