
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า หลังยุบสภาแล้ว เชื่อว่าการเลือกตั้งรอบนี้น่าจะจัดขึ้นในวันที่ 1 ก.พ.หรือ 8 ก.พ.69 และรัฐบาลใหม่น่าจะเข้ารับตำแหน่งกลางเดือนเม.ย.69 ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์ฯมองเชิงบวก เพราะจะช่วยยุติความไม่แน่นอนทางการเมืองได้เร็วขึ้น
ช่วงที่ผ่านมา มีส.ส.จำนวนมากย้ายเข้าพรรคภูมิใจ จึงเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยอาจก้าวขึ้นเป็นพรรคที่มีจำนวนส.ส.มากที่สุดอันดับสองหลังการเลือกตั้ง รองจากพรรคประชาชน ส่วนพรรคเพื่อไทยอาจอยู่ในอันดับสาม โดยหากพรรคภูมิใจไทยจับมือกับพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองขนาดเล็ก รัฐบาลผสมชุดใหม่น่าจะค่อนข้างมีเสถียรภาพ
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ CGSI ระบุว่า แต่ไทยอาจต้องเผชิญแรงกดดันทางภาษีจากสหรัฐฯที่ต้องการให้ไทยสงบศึกกับกัมพูชา โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ระงับการเจรจากับไทยตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตนายกรัฐมนตรี ฉีกสัญญาสันติภาพที่นายทรัมป์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจา ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายคาดว่าการเจรจาเรื่องการค้าจะได้ข้อสรุปในสิ้นปี 68 หากเจรจาการค้าไม่เดินหน้าต่อ อัตราภาษีของไทยอาจเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 19% กลับไปอยู่ที่ 36% ซึ่งเป็นอัตราแรกที่สหรัฐประกาศจะเก็บจากสินค้าไทยในเดือนเม.ย. 68
แม้รัฐบาลไทยจะพยายามลดความสำคัญของตลาดสหรัฐและมองหาตลาดใหม่ แต่เชื่อว่าการหาคู่ค้าใหม่ทดแทนสหรัฐอาจไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งนี้สหรัฐยังคงเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่สุดของไทย เพราะในช่วง 10 เดือนปี 68 มูลค่าส่งออกสินค้าไปสหรัฐคิดเป็น 21% ของมูลค่าการส่งออกโดยรวม และยังเพิ่มขึ้นถึง 29% yoy เทียบกับการเติบโตการส่งออกของไทยที่ 13% yoy แสดงให้เห็นว่าในปี 68 นี้ไทยพึ่งพาตลาดสหรัฐมากขึ้น ส่วนการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐของไทย เพิ่มขึ้น 6% yoy และคิดเป็นเพียง 6% ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าช่วง 10 เดือนของปีนี้ ดังนั้นไทยจึงเกินดุลการค้าสหรัฐเพิ่มขึ้นจาก 3.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 10 เดือนปี 67 เป็น 4.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 10 เดือนปี 68
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ CGSI เชื่อว่า แม้จะยุบสภาไปแล้ว แต่รัฐบาลน่าจะไม่ถอยจากการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาเพราะประเด็นนี้อาจช่วยเพิ่มคะแนนนิยมของรัฐบาล ดังนั้นสถานการณ์ความขัดแย้งจึงน่าจะไม่ยุติลงในเร็วๆนี้ ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อ sentiment ของตลาด และอาจทำให้สหรัฐยิ่งกดดันไทยเพื่อให้สงบศึกกับกัมพูชา จึงมองว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มที่เน้นส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และทำให้ยังระมัดระวังต่อการลงทุน
CGSI ยังคงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 69 อยู่ที่ 1,400 จุด ซึ่งยังเท่ากับ P/E 15 เท่าในปี 70 หรือ -0.75SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี ทั้งนี้มองว่าการที่สหรัฐอาจเก็บภาษีสินค้าไทยสูงขึ้นและการสู้รบชายแดนที่ลุกลามเป็นวงกว้างจะเป็น downside risk ต่อตลาด ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 17 ธ.ค.68 และการหยุดยิงโดยไม่มีประเทศที่สามเข้ามาแทรกแซง น่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 68)




