
ตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันจันทร์ (22 ธ.ค.) โดยหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มกดดันดัชนี ขณะที่นักลงทุนประเมินสถานการณ์ซื้อขายที่เริ่มต้นอย่างซบเซาในสัปดาห์นี้หลังจากตลาดปิดทำสถิติสูงสุดในวันศุกร์ที่ผ่านมา
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 586.75 จุด ลดลง 0.75 จุด หรือ -0.13%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,121.07 จุด ลดลง 30.31 จุด หรือ -0.37%
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,283.97 จุด ลดลง 4.43 จุด หรือ -0.02% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,865.97 จุด ลดลง 31.45 จุด หรือ -0.32%
สัปดาห์ที่แล้ว ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% หลังเงินเฟ้อผู้บริโภคของสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ซึ่งหนุนความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และมองเศรษฐกิจยูโรโซนในเชิงบวกมากขึ้น
นักวิเคราะห์คาดว่าตลาดจะมีความผันผวนบ้าง จากสภาพคล่องที่ลดลงในช่วงสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส ทำให้สภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายลดลงมาก
หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลงหลังจากปรับขึ้นแรงในวันศุกร์ โดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มลดลงมากที่สุด หุ้น Diageo ซึ่งเป็นผู้ผลิตสุรารายใหญ่ที่สุดของโลก ร่วงลง ขณะที่หุ้น Pernod Ricard จากฝรั่งเศส และหุ้น Anheuser-Busch InBev เจ้าของแบรนด์ Stella Artois ก็ร่วงลงเช่นกัน
กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อการนำเข้าจากสหภาพยุโรป เพิ่มแรงตึงเครียดระหว่างจีนกับกลุ่มประเทศดังกล่าว หลังจากที่สหภาพยุโรปได้เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน
กลุ่มที่เชื่อมโยงกับสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเหมืองแร่เพิ่มขึ้นเกือบ 1% หลังราคาทองคำพุ่งผ่านระดับ 4,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เป็นครั้งแรก และราคาทองแดงทำสถิติสูงสุดใหม่
หุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการปรับขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน แทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 65% นับตั้งแต่ต้นปี และเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ทำผลงานดีที่สุดของตลาด จากปัจจัยหนุนอย่างกิจกรรมควบรวมและซื้อกิจการที่คึกคักขึ้น กฎระเบียบที่ผ่อนคลายลง และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ
กลุ่มกลาโหมและอากาศยานลดลง 0.4% หลังจากปรับขึ้นมากกว่า 3% ในสองวันก่อนหน้า
หุ้นกลุ่มน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.3% ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น
ดัชนี STOXX 600 มีแนวโน้มทำผลงานรายปีดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และนักลงทุนทั่วโลกกระจายพอร์ตออกจากหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าสูง
ข้อมูลที่นักลงทุนจับตาในสัปดาห์นี้คือการรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดเศรษฐกิจชุดสุดท้ายก่อนสิ้นปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 68)





