
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันจันทร์ (29 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งความตึงเครียดล่าสุดที่เกิดขึ้นในเยเมน อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.36% ปิดที่ 58.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.3 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 61.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากทางการรัสเซียแถลงในวันจันทร์ ยูเครนใช้โดรนโจมตีบ้านพักของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้รัสเซียวางแผนที่จะทบทวนจุดยืนในการเจรจาสันติภาพ
ด้านยูเครนได้ปฏิเสธคำแถลงของรัสเซียเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าว โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครนระบุว่า รัสเซียกำลังใช้ข้ออ้างอันเป็นเท็จเพื่อเดินหน้าโจมตีประเทศเพื่อนบ้าน
ก่อนที่รัสเซียจะออกแถลงการณ์กล่าวอ้างการโจมตีของยูเครนไม่นาน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้ประกาศความคืบหน้าในการเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การที่กองกำลังพันธมิตรซึ่งนำซาอุดีอาระเบียได้ทำการโจมตีทางอากาศในเยเมนนั้น อาจจะลุกลามบานปลายในภูมิภาค และส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ กองกำลังพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียในเยเมนระบุว่า ความเคลื่อนไหวทางทหารใด ๆ ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดฮาดราเมาต์ของเยเมน จะถูกตอบโต้เพื่อปกป้องพลเรือน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ธ.ค. 68)





