อังกฤษเผยผู้ติดเชื้อโอมิครอนเข้าร.พ.น้อยกว่าเดลตา 50-70%

สำนักงานความมั่นคงทางสุขภาพของสหราชอาณาจักร (UKHSA) เปิดเผยผลวิเคราะห์ใหม่ที่ระบุว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19- สายพันธุ์โอมิครอน มีโอกาสน้อยที่จะเกิดอาการป่วยรุนแรง

รายงานระบุว่า ผลวิเคราะห์เบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโอมิครอน มีโอกาสเข้าแผนกฉุกเฉินน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา 30-45% และมีแนวโน้มเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่า 50-70%

อย่างไรก็ดี สำนักงานฯ เตือนว่าเชื้อไวรัสโอมิครอนสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ก่อน ๆ เช่น เดลตา และอาจทำให้ประชาชนจำนวนมากจำเป็นต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) อังกฤษรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะ 119,789 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยทั่วประเทศสะสมอยู่ที่ 11,769,921 ราย ขณะพบผู้ติดเชื้อไวรัสโอมิครอนแตะ 16,817 ราย ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่พบเชื้อไวรัสครั้งแรกในประเทศ ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนรวมอยู่ที่ 90,906 ราย

นอกจากนี้ อังกฤษยังพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 147 ราย ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตทั่วประเทศสะสมอยู่ที่ 147,720 ราย

สำนักงานสถิติแห่งชาติสหราชอาณาจักร (ONS) เผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ธ.ค. มีประชาชนในอังกฤษติดเชื้อโรคโควิด-19 ราว 1.4 ล้านราย ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2563

ขณะเดียวกัน แบบจำลองทางวิทยาศาสตร์ครั้งใหม่ชี้ว่า อังกฤษจำเป็นต้องบังคับใช้ข้อจำกัดโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อลดภาระของโรงพยาบาล

คณะผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยวอร์วิกคาดการณ์ว่า แม้ความรุนแรงของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน จะอยู่ที่เพียง 20% ของสายพันธุ์เดลตา แต่ข้อจำกัดแพลนบี (Plan B) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อาจทำให้การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของอังกฤษพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 5,000 ต่อวันในช่วงต้นเดือนม.ค.ที่จะถึงนี้

ด้านกลุ่มที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์เพื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน (SAGE) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาของรัฐบาลระหว่างการระบาดใหญ่ เตือนว่า อาจเกิดความยุ่งยากในการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เนื่องจากการเข้ารับการตรวจโรคและความสามารถในการตรวจโรคที่ถูกจำกัดอาจส่งผลกระทบต่อข้อมูล ซึ่งจะทำให้การประเมินข้อมูลเป็นไปอย่างยากลำบาก

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สหราชอาณาจักรมีแนวโน้มตรวจพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นหลายแสนรายต่อวัน และอาจมีผู้ป่วยจำนวนมากตกหล่นจากการบันทึกในระบบ

ทั้งนี้ ปัจจุบันกว่า 89% ของประชากรอายุ 12 ปีขึ้นไปในอังกฤษได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว ขณะที่มากกว่า 82% ได้รับวัคซีนครบโดส และมากกว่า 55% ได้รับวัคซีนเข็มบูสเตอร์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top