พาณิชย์ เชื่อส่งออกปี 63 พลิกกลับเป็นบวก

  • ส่งออกไทย เดือน พ.ย. ติดลบ 7.39% หดตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับ พ.ย.61 คิดเป็นมูลค่า 19,656.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากตลาดคาดส่งออก -5 ถึง -2%
  • นำเข้า เดือน พ.ย. ติดลบ 13.78% คิดเป็นมูลค่า 19,108.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
  • ดุลการค้าเกินดุล 548.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
  • กระทรวงพาณิชย์ เชื่อมั่นส่งออกปี 63 มีโอกาสพลิกกลับเป็นบวก

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สนค.ยังคงเชื่อว่าการส่งออกไทยปีหน้าจะสามารถพลิกกลับเป็นบวกได้ เมื่อการผลิตสินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันกลับมาสู่ภาวะปกติ จะส่งผลดีต่อการส่งออกในไตรมาสแรก แต่จะบวกมากน้อยเพียงใดนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ด้วย

ผู้อำนวยการ สนค. ยอมรับว่า ปีหน้ามีความกังวลประเด็นสงครามการค้าที่อาจย้ายฟากจากสหรัฐฯกับจีน ไปเป็นสหรัฐฯกับสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ต้องติดตามอยางใกล้ชิด เพราะอียูเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญ นอกจากนี้ปัจจัยเรื่องค่าเงินบาท ก็จะยังมีผลต่อการส่งออกในปีหน้าที่ต้องติดตามด้วยเช่นกัน

ที่เรากังวลปีหน้าคือ สงครามการค้าจะย้ายฝั่งไปเป็นสหรัฐฯกับอียู อียูไม่ใช่จีน คงไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่ หากมีการขึ้นภาษีตอบโต้กัน ก็จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอียู เราไม่อยากให้เกิด เพราะอียูเป็นตลาดที่สำคัญของโลก

น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

พร้อมระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญ และสินค้าอุตสาหกรรมตามที่ได้ลงนามในข้อตกลง MOU กับหลายประเทศ รวมทั้งสิ้น 35 ฉบับ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ เช่น ยางพารา ข้าว ผลิตภัณฑ์ไก่สดและไก่แปรรูป มันสำปะหลัง และยางรถยนต์ เป็นต้น เพื่อช่วยผลักดันการส่งออกในเดือนธ.ค.62 และไตรมาสแรกของปี 63

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเร่งผลักดันการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จ รวมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจา FTA ในอนาคต เพื่อขยายฐานตลาดส่งออกให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวด้วยว่า ข้อตกลงทางการค้าในเฟสแรก ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ได้ช่วยให้บรรยากาศการค้าดีขึ้นและคลายความกังวลได้ในระยะสั้นว่าสงครามการค้าจะไม่ลุกลามถึงขั้นการขึ้นภาษีนำเข้าเต็มจำนวนระหว่างกัน เช่นเดียวกับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (BREXIT) ที่มีความชัดเจนขึ้น

อย่างไรก็ดี แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบาง การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในเฟส 2 ยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากยังไม่มีรายละเอียดปรากฎแน่ชัด อีกทั้งยังมีประเด็นสำคัญเชิงโครงสร้างที่คาดว่าต้องใช้เวลาในการเจรจาต่อรอง ขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์จะยังกดดันแนวโน้มการส่งออกไทยในระยะสั้นถึงปานกลาง

รายงานข่าวระบุว่า ในช่วงเดือนก.พ.63 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ จะมีการประชุมร่วมกับทูตพาณิชย์ เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกและตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยในปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะได้ตัวเลขที่เป็นเป้าหมายการส่งออกของไทยอย่างเป็นทางการต่อไป

ส่งออก พ.ย. หดตัวต่อเนื่อง คาดทั้งปีติดลบ 2%

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนพ.ย.62 หดตัว 7.39% ที่มูลค่า 19,657 ล้านดอลลาร์ เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวจากสงครามการค้า และปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยชั่วคราว โดยเฉพาะกรณีโรงกลั่นในประเทศทยอยปิดซ่อมบำรุงในช่วงปลายปี ทำให้การส่งออกน้ำมัน เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ลดลงไปถึง 27% ประกอบกับฐานการส่งออกในเดือนพ.ย.61 ที่สูงจากการส่งออกเครื่องบินไปสหรัฐ จึงทำให้การส่งออกในเดือนพ.ย.นี้ หดตัวถึง 7.39%

อย่างไรก็ดี การส่งออกของไทยยังคงรักษาระดับมูลค่าการส่งออกได้ดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาคที่มีการหดตัวในระดับสูง เช่น เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ยังมีพัฒนาการที่ดีจากผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มทรงตัว เห็นได้จากการที่สินค้าไทยสามารถส่งออกไปทดแทนสินค้าในตลาดสหรัฐฯและจีนได้หลายกลุ่ม แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของ supply chain ของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าอุตสาหกรรมบางรายการที่สามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้

“แม้การส่งออกของไทยยังติดลบอยู่ แต่ก็ยังเป็นไปตาม trend ของประเทศต่างๆ เพราะหลายประเทศติดลบมากกว่าไทย เรายัง perform ดี ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์อยากให้ความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยยังโตเกาะกลุ่มประเทศต่างๆ ที่ต่างได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ไทยยังสามารถรักษาระดับการส่งออกได้ดีพอสมควร” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

ทั้งนี้ การส่งออกของไทยในเดือน ธ.ค.62 ยังอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวในเรื่องของการส่งออกน้ำมันที่ลดลงจากผลของการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในประเทศช่วงปลายปี

น.ส.พิมพ์ชนก ประเมินว่า การส่งออกของไทยในช่วงที่เหลืออีก 1 เดือนของปีนี้ (ธ.ค.) หากสามารถทำได้ที่มูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป ก็คาดว่าทั้งปีนี้การส่งออกไทยจะหดตัวราว 2% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกทั้งปีรวม 247,000 ล้านดอลลาร์

“ส่วนมากแล้ว เดือนสุดท้ายของปี มูลค่าการส่งออกมักจะอยู่ในระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเราประเมินว่าถ้าเดือน ธ.ค.นี้ ส่งออกได้มูลค่า 20,800 ล้านดอลลาร์ ทั้งปีการส่งออกก็จะติดลบราว 2% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 247,000 ล้านดอลลาร์” ผู้อำนวยการ สนค.ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 62)

Back to Top