
ผลสำรวจทังกัน (Tankan) ของสำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยในวันนี้ (21 พ.ค.) ว่า กลุ่มผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่นแสดงความเชื่อมั่นต่อสภาวะทางธุรกิจในเดือนพ.ค.ลดน้อยถอยลงเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งยังคาดการณ์ว่าความเชื่อมั่นดังกล่าวจะยิ่งอ่อนแรงลงไปอีกในอีก 3 เดือนข้างหน้า อันเนื่องมาจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่ผันผวนและบั่นทอนมุมมองเชิงบวก
จากผลสำรวจรายเดือนดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับการสำรวจภาวะธุรกิจรายไตรมาสของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตได้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ +8 ในเดือนพ.ค. จากเดิมที่ +9 ในเดือนเม.ย.
กลุ่มผู้ผลิตยังได้ให้ความเห็นว่า ความเชื่อมั่นมีแนวโน้มที่จะลดลงสู่ระดับ +7 ในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงอยู่ในแดนบวก ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ที่มองโลกในแง่ดีต่อสภาวะธุรกิจยังมีจำนวนมากกว่าผู้ที่มองในแง่ลบ
การสำรวจความคิดเห็นนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 7-16 พ.ค. ภายหลังจากที่ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมการเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรกับสหรัฐฯ เป็นรอบที่สอง โดยญี่ปุ่นต้องการให้สหรัฐฯ ยกเลิกการเก็บภาษีต่อสินค้าของตนโดยสิ้นเชิง ซึ่งรวมถึงภาษี 25% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
ถึงกระนั้นก็ตาม ความเชื่อมั่นในภาคการขนส่งกลับดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. ปี 2566 โดยผู้จัดการรายหนึ่งเปิดเผยว่าธุรกิจของตนมีปริมาณการผลิตยานยนต์เพิ่มสูงขึ้น
ในระยะอันใกล้นี้ กลุ่มบริษัทในภาคการขนส่งและผลิตภัณฑ์โลหะต่างแสดงความเห็นว่า ความเชื่อมั่นมีแนวโน้มที่จะทรุดตัวลงอีก จากปัจจัยความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น และเศรษฐกิจของจีนที่อ่อนกำลังลง
สำหรับภาคบริการนั้น ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ +30 ในเดือนพ.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนเม.ย. อย่างไรก็ดี กลุ่มบริษัทคาดการณ์ว่าความเชื่อมั่นจะลดลงสู่ระดับ +28 ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 68)
Tags: ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ, ญี่ปุ่น