
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดวันนี้ตลาดน่าจะแกว่งไซด์เวย์ ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปอาจจะดีดขึ้นบ้าง ตามข่าวที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนเก็บภาษีนำเข้า 50% จากสหภาพยุโรป (EU) เป็นวันที่ 9 ก.ค.จากเดิมวันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งตลาดฯได้ทราบไปก่อนหน้าแล้ว ทำให้วันนี้ยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ อีกทั้งตัวเลขการส่งออกไทยเดือนเม.ย.68 ที่ขยายตัว 10.2% ถึงจะเป็นอัตราที่มาก แต่น้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด และนักลงทุนยังเฝ้ารอมาตรการภาษีสหรัฐฯ ต่อประเทศไทยว่าจะเป็นอย่างไร
ส่วนปัจจัยต่างประเทศวันนี้ จะมีรายงานตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมประเทศจีนเดือนเม.ย. ส่วนปัจจัยในประเทศ ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้
พร้อมให้แนวต้าน 1,185 จุด และแนวรับ 1,165 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดทำการในวันจันทร์ (26 พ.ค.) เนื่องในวัน Memorial Day
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 37,523.37 จุด ลดลง 8.16 จุด หรือ -0.02% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 23,216.87 จุด ลดลง 65.46 จุด หรือ -0.28% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,346.50 จุด ลดลง 0.34 จุด หรือ -0.01%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 พ.ค.) 1,178.43 จุด เพิ่มขึ้น 2.07 จุด (+0.18%) มูลค่าซื้อขาย 27,690.45 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (26 พ.ค.) 1,126.51 ล้านบาท
– ตลาดน้ำมันนิวยอร์ก ปิดทำการในวันจันทร์ (26 พ.ค.) เนื่องในวัน Memorial Day
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 พ.ค.) อยู่ที่ 7.40 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 32.52 แข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค ตลาดรอปัจจัยใหม่ ให้กรอบวันนี้ 32.40-32.65
– ก.ล.ต. เปิดเฮียริ่งออกขาย “จี โทเคน” พร้อมร่างประกาศ 6 ฉบับ เพื่อขอรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป พร้อมปิดประตูใช้ “เก็งกำไร” ยืนยันไม่เป็นสื่อกลางชำระสินค้าและบริการ แจง “กระทรวงการคลัง” สามารถระดมทุน “จี โทเคน” ไม่ต้องขออนุญาต ก.ล.ต. เพราะถือเป็น “การกู้เงิน” ตามพ.ร.บ. หนี้สาธารณะ หนุนส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงการออม
– ฝ่าวิกฤติ “จีนเที่ยวไทย” ยื้อพ้นปากเหว หวั่นตัวเลขร่วงสู่ระดับ 5 ล้านคนปีนี้ เร่งกู้ความเชื่อมั่นหลัง “ปัญหาภาพลักษณ์ความปลอดภัย” ในสายตาชาวจีน ลากยาวเกือบ 5 เดือน ลุยกิจกรรม “สวัสดี หนีห่าว” เชิญตัวแทนเอเย่นต์ทัวร์-สื่อมวลชน- อินฟลูฯ จีนกว่า 600 คน เดินทางสำรวจ บรรยากาศการท่องเที่ยวของจริง ด้าน “กระทรวงการท่องเที่ยวฯ” เตรียมของบ กระตุ้น 3,180 ล้านบาท ผ่าน 3 โครงการ หนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำ
– “พิชัย” เผยหารือ “กองทุนต่างชาติ” ดึงลงทุนหุ้นไทย พร้อมปรับเกณฑ์หวังเอื้อกับการลงทุน ชี้ระดับดัชนีฯ 1,100-1,200 จุด เริ่มน่าสนใจ รับ “บาทแข็ง” จากเงินไหลเข้า “พันธบัตร” แต่อาจไม่ใช่เงินร้อน แต่พักเงินเพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจ มองระยะถัดไปอาจโยกมาลงทุนหุ้นได้
– ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์กลางน้ำ เช่นแผงวงจร ทรานส์ฟอร์เมอร์ พาวเวอร์ซัพพลาย ตกอยู่ในสถานการณ์สับสนหลังทรัมป์ขึ้นภาษีเป็น 10% โดยผ่อนผันเพื่อให้เจรจาต่อรองนาน 90 วัน นับจาก 2 เม.ย. 68 แจง…ช่วงผ่อนผัน 90 วันทุกโรงงานเร่ง ผลิตกันหูดับตับไหม้เพื่อส่งออกให้มากที่สุด ส่วนในระยะยาวรัฐบาลไทยต้องเคลียร์ข้อสงสัยของอเมริกาในประเด็นทุนจีนมา ตั้งโรงงานอิเล็กทรอนิกส์และสวมสิทธิการส่งออกจากไทยไปอเมริกา โดยแยกชัดเจนระหว่างโรงงานของไทยและโรงงานที่เป็นทุนจีน ในขณะเดียวกันภาครัฐต้องควบคุมการส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกรณีโลคอลคอนเทนต์ที่ต้องใช้แรงงานไทยและชิ้นส่วนการผลิตในไทยตามที่ระบุในการส่งเสริมการลงทุน
หุ้นเด่นวันนี้
– OSP (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24 บาท ส่วนแบ่งการตลาดของ OSP เดือนเม.ย. ขยับขึ้น 0.6% m-m เป็น 45% โดยภาพรวมเพิ่มขึ้น 0.5% YTD แม้สัดส่วนของ M-150 12 บาท จะปรับลงบ้าง แต่ตัว 10 บาทปรับขึ้นมากพอชดเชย ทำให้ภาพรวมส่วนแบ่งตลาดยังปรับขึ้นได้ตามแผน แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 ดูดีกว่าที่เคยประเมิน โดยมีลุ้นทรงตัว q-q และโต 8% y-y หนุนจาก Gross Margin ที่คาดว่ายังอยู่ในระดับที่สูง และจะทำให้กำไร 2H25 คิดเป็น 60-65% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งอาจมี Upside
– GULF (ซีจีเอส อินเตอร์ฯ)”ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 63 บาท บริษัทรายงานว่าผลกระทบจากกรณีการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ปรับลดอัตรารับซื้อ ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในเวียดนามกระทบผลประกอบการเพียงเล็กน้อย เหตุกระทบโครงการ ขนาดเล็กเพียง 120 MW หรือคิดเป็นไม่ถึง 1% ของกำไรสุทธิ ในเชิงพื้นฐาน เรายังคงประมาณการกำไร โดยมองว่าการประหยัดค่าใช้จ่ายจากต้นทุนดอกเบี้ยที่ คาดลดลงเป็น upside เรายังแนะนำ “ซื้อ” GULF จากกำไรที่เติบโตสม่ำเสมอ, งบดุลที่แข็งแกร่ง ขึ้น, สถานะผู้นำตลาดและการขยายกิจการในธุรกิจสาธารณูปโภคและ LNG ขณะที่เราคำนวณ ราคาเป้าหมายของ GULF ที่ 63 บาทด้วยวิธี SOP ประกอบด้วยมูลค่าของธุรกิจโรงไฟฟ้า 33 บาท (DCF, WACC 5%), ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน 4 บาท, การลงทุนใน ADVANC, THCOM (Not Rated, ราคาหุ้น 8.80), KBANK (1 บาท/หุ้น) และ เงินลงทุนอื่นๆ (1 บาท/ หุ้น) รวม 24 บาท (Take profit : 47.75 / Stop loss : 46.50)
– STECON (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐานที่ 9.86 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกกับ STECON จากรายงานผลประกอบการหลัก ไตรมาส 1/68 ที่ 341.5 ลบ. (+716% YoY และ -52% QoQ) สูงกว่าประมาณการของเราไป 22% ทั้งนี้มองว่ากำไรใน ไตรมาส 2/68 อาจเติบโตขึ้นทั้งYoY, QoQ จากผลขาดทุนบึงหนองบอน (BNB)ที่หมดไปในปีที่ผ่านมา รวมไปถึงเก็งการรับรู้ผลขาดทุนรถไฟฟ้าสีชมพูน้อยลงจากการเปลี่ยนมาตรฐานการบัญชีในส่วนของ backlog อยู่ที่ระดับ 1.25 แสนลบ. ณ 1Q25 (+30% YoY และ +7.7% QoQ) คิดเป็นการลงนามในโครงการใหม่มูลค่า 1.6 หมื่นลบ.ในไตรมาส 1/68 จากโครงการภาคเอกชน 2 โครงการ โดย backlog ล่าสุดอาจครอบคลุมการคาดการณ์รายได้ 4 ปีของเรา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ค. 68)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย