
การประชุมสองวันของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เริ่มขึ้นแล้วในวันนี้ (16 มิ.ย.) โดยคาดว่า BOJ อาจพิจารณาชะลอความเร็วในการลดซื้อพันธบัตรรัฐบาลตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีหน้า ภายใต้โครงการลดปริมาณการผ่อนคลายทางการเงินในปัจจุบัน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในการประชุมครั้งนี้ คาดว่าคณะกรรมการ BOJ จะหารือกันว่าจะคงหรือชะลอความเร็วในการลดการซื้อพันธบัตร หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวพิเศษพุ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ขณะเดียวกัน คาดว่า BOJ มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.5%
เมื่อเดือนก.ค. 2567 คณะกรรมการ BOJ ได้ตัดสินใจว่าจะลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลลง 4 แสนล้านเยน (ประมาณ 2.8 พันล้านดอลลาร์) ต่อไตรมาสไปจนถึงเดือนมี.ค. 2569 ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินสู่ระดับปกติ
การประชุมครั้งนี้มีขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวพุ่งสูงขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของรัฐบาลญี่ปุ่น หลังจากสมาชิกสภานิติบัญญัติหลายคนได้ให้คำมั่นว่าจะปรับลดอัตราภาษีการบริโภค
แม้ว่ามีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า BOJ จะขยายโครงการลดปริมาณการผ่อนคลายทางการเงินออกไปไกลกว่าปีงบประมาณหน้า แต่ตลาดกำลังจับตาดูว่า BOJ ซึ่งเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลรายใหญ่ที่สุดจะดำเนินมาตรการใด ๆ เพื่อป้องกันความผันผวนของตลาดหรือไม่
ทั้งนี้ หลังจากที่ BOJ ได้ดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษเพื่อต่อสู้กับเงินฝืดเป็นเวลานานนับทศวรรษ ซึ่งรวมถึงการซื้อสินทรัพย์จำนวนมาก ในที่สุด คณะกรรมการ BOJ ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2567 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี และเริ่มใช้มาตรการคุมเข้มเชิงปริมาณ (Quantitative Tightening) เมื่อเดือนส.ค. 2567 เพื่อลดขนาดงบดุลที่ขยายตัวมากเกินไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มิ.ย. 68)