
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า วินาทีของการตัดสินใจของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ จุดเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย การคงอยู่ของรัฐบาลแพทองธารในเวลานี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจสุดท้ายของคนชื่อ พีระพันธุ์แล้ว
สภามี 495 คน เกินครึ่งคือ 248 เสียง ตอนนี้รัฐบาลเมื่อหักภูมิใจไทยไปเหลือ 255 เสียง รวมไทยสร้างชาติมี 36 เสียง ต่อให้เหลือครึ่ง คือ 18 เสียง เสียงของรัฐบาลยังไงก็ไม่ถึงครึ่งของสภา ล้มในวันแรกที่ต้องผ่าน กม.สำคัญ
ข้อเสนอของรวมไทยสร้างชาติ ที่ต้องเปลี่ยนนายกฯ ให้นายชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นแทน มิเช่นนั้นจะถอนตัวจากพรรคร่วม จึงเป็นข้อเสนอที่ทรงพลังที่สุดในขณะนี้
เพื่อไทยอาจต่อรอง โดยขอให้งบประมาณปี 2569 ผ่านวาระสามก่อน โดยอ้างเหตุว่า เพื่อให้ประเทศเดินต่อโดยไม่หยุดชะงัก ซึ่งไม่ใช่เหตุผลที่ยอมรับได้ เพราะสภากับฝ่ายบริหารแยกจากกัน ถึงนายกจะลาออก แต่ กม.งบประมาณที่ผ่านวาระหนึ่งไปแล้ว ก็ยังเดินหน้าต่อ ไม่ใช่การยุบสภา ที่ สส.ต้องพ้นตำแหน่ง ไม่มีใครมาทำหน้าที่ทางนิติบัญญัติ
วินาทีของการตัดสินใจ หากนายกฯไม่ยอมลาออก ว่า รวมไทยสร้างชาติจะถอนตัวจากพรรคร่วม จึงเป็นวินาทีเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย
และเป็นจุดจารึกชื่อพีรพันธุ์ ว่าจะมีสถานะเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย เช่นสมัย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ทูลเกล้า ฯ เสนอชื่อ นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงเมื่อปี พ.ศ. 2535
แต่หากเลือกที่จะอยู่กับรัฐบาล โดยแลกเปลี่ยนกับตำแหน่งรัฐมนตรีที่สำคัญ ชื่อของพีรพันธุ์ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็อาจมีอีกสถานะหนึ่งในหน้าประวัติการเมืองไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มิ.ย. 68)