
น.ส.ศศิกานต์ วัฒนจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ได้นัดประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง เพื่อหามาตรการรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นหลังทางการอิหร่านเตรียมประกาศปิดช่องแคบฮอร์มุช ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งน้ำมันดิบที่สำคัญของโลก เพื่อตอบโต้หลังถูกโจมตีกรณีเกิดความขัดแย้งกับอิสราเอล
“การประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดความขัดแย้งแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาประชุมตอนที่มีข่าวจะปิดช่องแคบ” น.ส.ศศิกานต์ กล่าว
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงาน ระบุปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศมีน้ำมันดิบคงเหลือประมาณ 3,337 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 25 วัน น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่ง 2,457 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 19 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 1,874 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 16 วัน รวมปริมาณน้ำมันคงเหลือที่สามารถใช้ได้ 60 วัน ซึ่งหากสถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจะมีการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศ เพื่อลดผลกระทบด้านราคาให้มากที่สุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 68)