
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยจุดแรกเดินทางมาที่โรงเรียนอรัญประเทศ เป็นประธานประชุมหารือผลกระทบจากมาตรการกำหนดเปิด-ปิด ด่านชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว บรรยายสรุปสถานการณ์ด้านความมั่นคง การค้าขาย การป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ หลังมีมาตรการเปิด-ปิด ชายแดน โดยกัมพูชาได้ตัดไฟฟ้าจากชายแดน 5 จุด ขณะที่ไทยตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ส่วนเสาสัญญาณที่ไม่ได้รับอนุญาต 65 เสา จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินการ
ในส่วนของพืชผลการเกษตร เช่น มันสำปะหลังที่ไทยนำเข้าไม่ได้ผลกระทบ แต่จะทำให้ผลผลิตของเกษตรกรในประเทศไทยได้รับการซื้อเพิ่มเติม จึงขอเสนอให้ทบทวนกำหนดโควตานำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชา
พร้อมขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง พิจารณาเรื่องการทำพาสปอร์ตที่มีจำนวนมากจนผิดปกติ รวมถึงขอให้พิจารณาทบทวนยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมในการเดินทางกลับช่วงเทศกาลสงกรานต์ของชาวกัมพูชา คนละ 1,000 บาท ซึ่งทำให้เสียรายได้ปีละประมาณ 74 ล้านบาท โดยขอให้กลับมาเก็บค่าธรรมเนียมตามเดิม
นอกจากนี้ ยังขอให้ยกเลิกหรือชะลอการจัดกิจกรรม 75 ปี ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ออกไปโดยไม่มีกำหนด รวมงดเว้นการช่วยเหลือทุกกรณี ยกเว้นเรื่องมนุษยธรรม และขอให้ทบทวนการสร้างสะพานโป่งน้ำร้อน ใช้งบกลางของไทยดำเนินการ
น.ส.แพทองธาร แสดงความขอบคุณทุกภาคส่วน ที่นำเสนอปัญหาที่ตรงใจมากเกี่ยวกับปัญหาชายแดน ซึ่งเข้าใจว่าทุกภาคส่วน แต่ละกระทรวง แต่ละหน่วยงาน ทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่

“ได้พูดเสมอว่า ไม่ว่าจะไปที่จังหวัดไหน อยากจะกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นให้มากที่สุด นี่คือสิ่งที่คิด เพราะเรานั่งทำงานอยู่ด้านบน แต่ผู้ว่าฯ อยู่ในพื้นที่ รู้ปัญหาดีกว่าภาคส่วนอื่น ส่วนรัฐมนตรี ถ้าลงตัวแล้ว ได้สั่งให้ลงพื้นที่เช่นเดียวกับสส. ให้ไปสัมผัสรับฟังปัญหาของประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมมองว่า สิ่งที่ผู้ว่าฯ สระแก้ว รายงานว่าการค้าขายที่มีปัญหาติดขัด เนื่องจากมีปัญหาเรื่องชายแดนนั้น กองทัพได้ทำอย่างเต็มที่เพื่อสันติวิธี ขณะที่ ในส่วนของตนก่อนทำสิ่งใดจะคิดถึงเป็นข้อแรก คือทำอย่างไรให้เกิดสันติวิธี ไม่เกิดการปะทะขึ้น ไม่มีการปะทะ ไม่เสียเลือดเนื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่คิดอยู่ตลอดและจะทำให้ได้
ส่วนเรื่องการค้าขาย ได้สั่งให้รมว.พาณิชย์ ลงพื้นที่ไปดูเรื่องสินค้าเกษตร โดยให้ภาครัฐและเอกชนช่วยสนับสนุนสินค้าเกษตรในพื้นที่เพื่อนำไประบายต่อ ซึ่งเป็นมาตรการที่สั่งการไปแล้ว อีกทั้งให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดโควต้ามันสำปะหลังใหม่ ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบกับเกษตรกรในประเทศ
ขณะที่ตัวแทนผู้ประกอบการ ระบุว่า รถสินค้ายังจอดอยู่ที่บริเวณด่านที่ถูกปิด และสินค้าได้รับความเสียหายจากการรอขนส่งไปฝั่งพนมเปญ เมื่อด่านปิด จึงขอให้นายกฯ และหน่วยงานความมั่นคง ศึกษาจุดขนส่งสระแก้วเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ โดยนายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องไปพิจารณา และจะให้ สส.ในพื้นที่ไปช่วยดำเนินการ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มิ.ย. 68)