
การนำเข้าทุเรียนสดของจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึงเกือบหนึ่งในสามในช่วงห้าเดือนแรกของปีนี้ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการตรวจสอบสารตกค้างในทุเรียนอย่างเข้มงวดที่ด่านศุลกากร ซึ่งทุเรียนจากเวียดนามได้รับผลกระทบหนักสุดจากมาตรการดังกล่าว ขณะที่จีนยังคงนำเข้าทุเรียนจากไทยมากที่สุด แต่ในปริมาณที่ลดลง
ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรจีนเผยว่า ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค. 2568 มูลค่าการนำเข้าทุเรียนสดลดลง 32.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ 1.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปริมาณการนำเข้าลดลง 32.9% เหลือ 390,900 ตัน
ประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือเวียดนาม ซึ่งพบว่าทั้งมูลค่าและปริมาณการส่งออกทุเรียนไปยังจีนลดลงเกือบ 62% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยยอดรวมการส่งออกของเวียดนามในช่วงห้าเดือนแรกอยู่ที่ 254 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับประเทศไทย ซึ่งยังคงเป็นแหล่งทุเรียนนำเข้าอันดับหนึ่งของจีน พบว่า มูลค่าการนำเข้าจากไทยลดลง 24% ในช่วงเวลาเดียวกัน อยู่ที่ 1.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปริมาณการนำเข้าลดลงน้อยกว่าเล็กน้อย
หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ของฮ่องกง รายงานว่า สาเหตุที่ทำให้การนำเข้าทุเรียนของจีนลดลง เป็นเพราะมาตรการควบคุมสารกำจัดศัตรูพืชและประเด็นด้านสุขอนามัยที่เข้มงวดขึ้น ส่งผลให้บรรดาผู้ส่งออกต้องปรับตัวให้เข้ากับกฎระเบียบใหม่ โดยเฉพาะเวียดนามซึ่งเป็นแหล่งทุเรียนแห่งใหม่สำหรับจีน โดยนักวิเคราะห์มองว่า เกษตรกรชาวเวียดนามยังคงต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการส่งออกทุเรียนให้ดีขึ้น
ชาวสวนทุเรียนในจังหวัดบิ่ญถ่วนทางใต้ของเวียดนามเปิดเผยว่า หลายพื้นที่ในเวียดนามไม่มีห้องปฏิบัติการทดสอบผลไม้ในท้องถิ่น การขาดแคลนดังกล่าวทำให้เกิดความล่าช้าในการขออนุมัติการส่งออก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันกับประเทศไทย
ขณะที่แดน มาร์ติน ที่ปรึกษาธุรกิจระหว่างประเทศประจำกรุงฮานอยจากบริษัทที่ปรึกษา Dezan Shira & Associates กล่าวว่า ประเทศไทยดำเนินการได้อย่างน่าประทับใจในการจัดตั้งโรงงานทดสอบระดับฟาร์มและฟื้นความไว้วางใจของจีนให้กลับมาได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผู้ส่งออกเวียดนามยังคงถูกปฏิเสธซ้ำ ๆ ที่ชายแดน เนื่องจากการตรวจพบสารปนเปื้อน และการขาดระบบคัดกรองที่มีประสิทธิภาพก่อนที่ผลไม้จะถูกส่งออกจากฟาร์ม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มิ.ย. 68)