
นายวีรวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์อัพ แต่อยู่ในกรอบจำกัด ซึ่งรับ Sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ แม้ว่าจีดีพีสหรัฐไตรมาส 1/68 จะออกมาหดตัวมากกว่าที่ตลาดคาด แต่ตลาดก็ให้น้ำหนักว่าจะเห็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยลงได้ ทำให้เป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้น โดยตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ที่เปิดมาก็ปรับตัวขึ้นตาม
อย่างไรก็ตาม ในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหลังจากที่รัฐบาลผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งตลาดรับรู้ไปแล้ว ขณะที่ในสัปดาห์หน้ายังต้องลุ้นกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะรับหรือไม่รับคำร้องเกี่ยวกับคลิปสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
พร้อมให้แนวต้าน 1,110-1,115 จุด แนวรับ 1,100-1,105 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (26 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,386.84 จุด เพิ่มขึ้น 404.41 จุด หรือ +0.94%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,141.02 จุด เพิ่มขึ้น 48.86 จุด หรือ +0.80% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,167.91 จุด เพิ่มขึ้น 194.36 จุด หรือ +0.97%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 39,866.36 จุด เพิ่มขึ้น 281.78 จุด หรือ +0.71%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,451.19 จุด เพิ่มขึ้น 125.79 จุด หรือ +0.52% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,450.69 จุด เพิ่มขึ้น 2.24 จุด หรือ +0.06%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 มิ.ย.) 1,106.73 จุด ลดลง 0.96 จุด (-0.09%) มูลค่าซื้อขาย 42,119.63 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (26 มิ.ย.) 782.57 ล้านบาท
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. (26 มิ.ย.) เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.49% ปิดที่ 65.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(26 มิ.ย.) 6.22 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 32.50/53 แกว่งกรอบแคบทิศทางอ่อนค่า คาดกรอบวันนี้ 32.40-32.65
– “ภาคเอกชน” จับตาเสถียรภาพการเมือง “ปรับ ครม.-นายกฯลาออก-ยุบสภา” ชี้ นายกฯลาออกดีกว่า ยุบสภา ห่วงข้าราชการเกียร์ว่าง ระบุยุบสภา กระทบเศรษฐกิจหนัก งบประมาณปี 69 ล่าช้า การเจรจาภาษีทรัมป์สะดุดหลังมีรัฐบาลรักษาการนาน ม.หอการค้า คาดยุบสภากระทบจีดีพี 0.66%
– การเงินโลกปั่นป่วน ‘เงินบาท’ แข็งค่าทะลุ 32.33 บาทต่อดอลลาร์ ใกล้ระดับสูงสุด ในรอบ 8 เดือน จากแรงหนุนราคาทองคำพุ่ง-ดอลลาร์อ่อนกังวล “ทรัมป์” กดดันเฟด ขณะที่ตลาดทั่วโลกเร่งประเมินแนวโน้มลดดอกเบี้ยก่อนกำหนด ด้านจีนเร่งใช้ ‘หยวนอ่อน’ เป็นอาวุธสงครามการค้า หวังดันสินค้าราคาถูกทะลุอาเซียนและยุโรป ท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ในระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี
– “ไทยบีเอ็มเอ” จับตาครึ่งหลังปี 68 คาดแนวโน้ม “หุ้นกู้ไฮยีลด์” เสี่ยง “ขอยืดหนี้เพิ่ม” สารพัดปัจจัยลบ ลากยาว ฉุดเศรษฐกิจกระทบ กลุ่มพลังงาน-อสังหาฯ ตั้งแต่ต้นปี พบรายใหม่ยืดหนี้ประคองธุรกิจเพิ่ม 7 ราย จาก 15 ราย รวม 1.48 หมื่นล้าน ส่วน “หุ้นกู้ดีฟอลต์” กระทบเซนทริเมนต์ไม่มากยังเป็นเหตุเฉพาะราย ด้านยอดออก หุ้นกู้ใหม่ที่ 3.7 แสนล้าน “ไฮยีลด์” วูบ
– ก.ล.ต. เปิดตัว “Corporate Value Up” กรอบธรรมาภิบาลใหม่หนุน บจ. สร้างมูลค่าระยะยาว ด้านตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) เดินหน้า “JUMP+” พัฒนาแผนธุรกิจ-สิ่งแวดล้อม พร้อมทุนหนุนจาก CMDF ขยายโอกาสลงทุนใน-นอกประเทศ เชื่อปีแรกมี บจ. เข้าร่วม 100 ราย คาดเริ่มเห็นแผนงาน Jump+ ของ บจ.ช่วงไตรมาส 4/68
– กกพ.เผยความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังไม่กระทบการจัดหา LNG พร้อมติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง ผุด 3 แผนกรณีที่มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซไม่สามารถรับ LNG จากประเทศกาตาร์ได้
– ม.หอการค้าไทยลดเป้าจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 1.7% ชี้สารพัดปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าหนัก ชี้ถ้านายกฯ พ้นตำแหน่ง หรือยุบสภา อาจกดจีดีพีปีนี้โตแค่ 0.9% จี้รัฐเร่งเจรจาสหรัฐฯ เร่งเบิกจ่ายงบ แก้หนี้ครัวเรือน
หุ้นเด่นวันนี้
– KTC (ฟินันเซีย ไซรัส) “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus ราว 35 บาท ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรง 50% YTD และ 34% MTD จากประเด็นการถูก Force Sell เปิดโอกาสให้หุ้น Rebound ในระยะถัดไปจากสัญญาณเทคนิคที่ Oversold และปัจจัยพื้นฐานที่ไม่เปลี่ยนแปลง ตลาดประเมินกำไรปี 2025-26 ราว 7.6 พันลบ.และ 7.8 พันลบ. ตามลำดับ เติบโตได้เล็กน้อย โดยราคาหุ้นปัจจุบัน เทรดบน PER เพียง 8.5 เท่า และให้ Dividend Yield สูงราว 5% ซึ่งน่าสนใจเป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มไฟแนนซ์
– GULF (เมย์แบงก์) Trading รับประโยชน์ เงินบาทแข็งค่า หนุน FX Gain ค่าเงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 8 เดือน หลังจากที่ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะคัดเลือกและประกาศผู้ที่จะมารับตำแหน่งประธานเฟดแทนนายเจอโรม พาวเวล ภายในเดือนก.ย. หรือ ต.ค. นี้ เราคาดว่า Sensitivity ของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 1 บาท ส่งผลกระทบต่อกำไรปี 68 ของ GULF 11% เราคาดกำไรปี 68 เพิ่มขึ้น 6%YoY หนุนจากการรับรู้กำลังการผลิตเพิ่มเติม จากโรงไฟฟ้า GPD 928 MWe และ หินกอง 2 อีก 377 MWe รวมทั้งสิ้น 1,305 MWe แม้ว่าจะมีแรงกดดันจาก Global Minimum Tax ที่ถูกคิดภาษีเป็น 15% จาก 6% ในปี 67
– ADVANC (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 300 บาท กำไรไตรมาส 1/68 แข็งแกร่ง และแนวโน้มไตรมาส 2/68 น่าจะอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่องจากทิศทาง ARPU ที่ยังปรับขึ้น ผสานการควบคุมต้นทุนได้ดี ส่วนการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ในวันที่ 29 มิ.ย. นี้ คาดการแข่งขันจะไม่รุนแรง ถือเป็นโมเมนตัมเชิงบวกต่ออุตสาหกรรม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 68)