บอร์ด AOT ไฟเขียว “คิง เพาเวอร์” ขยายเวลาจ่ายหนี้ 8 เดือน แต่ต้องจ่ายดบ. พร้อมเรียกหลักประกันเพิ่ม

บมจ. ท่าอากาศยานไทย [AOT] หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ วันที่ 25 มิ.ย. 68 อนุมัติให้ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) เข้าร่วมโครงการขยายระยะเวลาชำระเงินของผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์และสายการบิน ณ ท่าอากาศยาน ของ ทอท.ทั้ง 6 แห่ง ที่ขาดสภาพคล่อง ทั้ง 3 สัญญา ได้แก่

(1) สัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้า ปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)

(2) สัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.)

(3) สัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.)

โดยให้ KPD แบ่งชำระและเลื่อนกำหนดชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำออกไปอีกงวดละ 8 เดือน สำหรับงวด ดังต่อไปนี้

1. เดือนมิ.ย. – ต.ค. 68 สำหรับสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้า ปลอดอากร ณ ทสภ. (ยกเว้นเฉพาะงวดเดือนมิ.ย. 68 ให้เลื่อนออกไป 6 เดือน)

2. เดือนก.ย. – ต.ค. 68 สำหรับสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้า ปลอดอากร ณ ทดม.

3. เดือนก.ค. – ต.ค. 68 สำหรับสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้า ปลอดอากร ณ ทภก. ทชม. และทหญ.

โดย KPD ต้องชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 8.8440 ต่อปี (MLR+2) ของค่าผลประโยชน์ตอบแทน ขั้นต่ำที่ค้างชำระในแต่ละงวดให้แก่ ทอท.ทุกเดือน

ทั้งนี้ KPD ต้องนำหลักประกันมาวางเพิ่มเติมให้ ทอท. เป็นจำนวนเงิน 1,450 ล้านบาท (รวมมูลค่าทั้ง 3 สัญญา) เพื่อให้ครอบคลุมยอดค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่ KPD ได้รับอนุมัติให้เลื่อนชำระ พร้อมดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นหลักประกันทางการเงินของคู่สัญญาในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด AOT ยืนยันว่า AOT ยังคงมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง แข็งแรง และยังคงมีสภาพคล่องเพียงพอ สำหรับรองรับโครงการลงทุนในอนาคตและการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ ทางการเงินของ AOT

โครงการขยายระยะเวลาชำระเงินของผู้ประกอบการ เชิงพาณิชย์และสายการบิน ณ ท่าอากาศยานของ ทอท.ทั้ง 6 แห่ง ที่ขาดสภาพคล่อง จัดขึ้นมาเพื่อให้ AOT ยังสามารถรักษา ผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ และสายการบินที่มีศักยภาพแต่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ถดถอย อย่างต่อเนื่อง ภายหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงเหตุการณ์ ความไม่สงบในหลายพื้นที่ทั่วโลกให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรม และการก่อสร้าง รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวกับ “อินโฟเควสท์” ว่า จากการเจรจากับ KPD ที่จะขอจ่ายเป็นส่วนแบ่งรายได้ (Revenue Sharing) ที่ 20% แทน จากในสัญญาที่ระบุว่า จะจ่ายผลตอบแทนที่สูงกว่า ระหว่างวิธีคำนวณแบบ Minimum Guarantee หรือ Revenue Sharing ในอัตรา 20% แต่ทาง AOT ไม่ยอม

ดังนั้น AOT จึงให้นำส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างวิธีคำนวณ Minimum Guarantee กับ Revenue Sharing นั้นมาสามารถยืดหนี้ได้ และคิดดอกเบี้ยด้วย ขณะที่คิงเพาเวอร์จะยอมจ่ายผลตอบแทน แบบ Revenue Sharing อัตรา 23% สูงกว่าเดิมที่อัตรา 20% ไปก่อนที่จะมีผลการศึกษาออกมาและตั้งโต๊ะเจรจากัน

“เขาจะจ่ายแค่ Revenue Sharing ซึ่งเราไม่ยอม ถ้าเขาไม่จ่ายเราก็เก็บดอกเบี้ย ซึ่งเรื่องนี้คุยจบแล้ว จากนั้นค่อยมาเจรจาสัญญาใหม่…เราไม่เสียเปรียบเลย และอย่างน้อยเขาก็สบายใจแล้ว” นางสาวปวีณา กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 68)