ต่างชาติลงทุนในไทย 5 เดือนแรก 426 ราย เม็ดเงินกว่า 8.8 หมื่นลบ.

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในช่วง 5 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) มีจำนวน 426 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 109 ราย (34%)

โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 105 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 321 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 88,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,241 ล้านบาท (24%)

สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1. ญี่ปุ่น 85 ราย คิดเป็น 20% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 41,062 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจจัดหาจัดซื้อ วัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ แผ่นวงจรพิมพ์ (Printed Circuit Board) ชิ้นส่วนยานพาหนะ เครื่องจักรสำหรับงานอุตสาหกรรม

2. สหรัฐอเมริกา 62 ราย คิดเป็น 15% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 2,763 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการทางวิศวกรรม โดยเป็นการให้คำปรึกษาแนะนำและออกแบบเกี่ยวกับงานด้านวิศวกรรม ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ธุรกิจบริการตรวจสอบ วิเคราะห์ วิจัย และประเมินคุณภาพของอัญมณีและเครื่องประดับ และธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น สิ่งปรุงแต่งอาหาร โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ Captive Screw for PCB

3. จีน 53 ราย คิดเป็น 12% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 7,539 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือให้บริการ และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนยานพาหนะ ชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป แม่พิมพ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และ บรรจุภัณฑ์จากกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

4. สิงคโปร์ 52 ราย คิดเป็น 12% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 11,429 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบ ตลอดจนการฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำด้านการปฏิบัติการของงานระบบควบคุมกำกับดูแลและเก็บข้อมูลสำหรับโครงการรถไฟฟ้า ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ไนโตรเซลลูโลสสำหรับอุตสาหกรรม อาหารสัตว์เลี้ยง Printed Circuit Board เครื่องจักรอัตโนมัติที่มีขั้นตอนออกแบบระบบควบคุมการปฏิบัติงานด้วยสมองกลเอง ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะ

5. ฮ่องกง 44 ราย คิดเป็น 10% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 7,475 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า ธุรกิจบริการ Data Center, Cloud Services และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ทางทันตกรรม ผลิตภัณฑ์โลหะขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม

 

  • 5 เดือนแรกต่างชาติลงทุนใน EEC แล้ว 129 ราย กว่า 4.7 หมื่นลบ.

สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติใน 5 เดือนของปี 2568 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 129 ราย คิดเป็น 30% ของนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 30 ราย (30%) มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 47,744 ล้านบาท คิดเป็น 54% ของเงินลงทุนทั้งหมด

โดยประกอบด้วยนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 37 ราย ลงทุน 23,896 ล้านบาท จีน 30 ราย ลงทุน 4,460 ล้านบาท สิงคโปร์ 11 ราย ลงทุน 6,022 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ 51 ราย ลงทุน 13,366 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน อาทิ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนกลุ่มภาพและเสียง หุ่นยนต์ที่ใช้สำหรับผลิตและตรวจสอบคุณภาพการผลิต และผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 68)