สธ.แนะผู้ปกครองเฝ้าระวังบุตรหลานป่วยโรคมือเท้าปากช่วงหน้าฝน

นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนในช่วง ระหว่างเดือน มิ.ย.-ส.ค.ของทุกปี มักพบการแพร่ระบาดของโรคมือเท้าปากในกลุ่มเด็กเล็ก การแพร่เชื้อเกิดได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำลาย น้ำมูก หรือน้ำตุ่มพองจากแผลของผู้ป่วย ซึ่งเชื้อไวรัสสามารถปนเปื้อนอยู่บนของเล่น เสื้อผ้า ภาชนะที่ใช้ร่วมกัน และพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น ลูกบิดประตูหรือราวจับ เป็นต้น สาเหตุที่พบการระบาดในกลุ่มเด็กเล็กเนื่องจากเด็กวัยนี้มักชอบเล่นของเล่นร่วมกัน หยิบของเข้าปาก หรือใช้มือจับปาก จมูก ตา ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย

โดยสถานการณ์โรคมือเท้าปาก ณ วันที่ 27 มิ.ย.68 กองระบาดวิทยารายงานผู้ป่วยสะสม 22,162 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ เด็กแรกเกิดถึง 4 ปี จำนวน 16,386 ราย ซึ่งมีมากกว่า 70% ของผู้ป่วยทั้งหมด รองลงมา คือ กลุ่มเด็กอายุ 5-10 ปี (21.9%) และกลุ่มอายุ 10-14 ปี (2.5%) ตามลำดับ แม้จะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแต่ยังเป็นข่าวดีที่ปีนี้ยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าว

ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ผู้ปกครองหมั่นสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากมีอาการไข้ต่ำ ๆ ร่วมกับมีแผลหรือจุดแดงในช่องปาก เช่น บริเวณลิ้น เพดานปาก หรือกระพุ้งแก้ม มีผื่นหรือตุ่มน้ำใสบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ลำตัว หรือก้น เด็กเล็กมีอาการงอแง ไม่ยอมรับประทานอาหารหรือดื่มนม มีน้ำลายไหลหรือบ่นเจ็บปาก กรณีที่อาการรุนแรงอาจพบไข้สูงผิดปกติ รับประทานอาหารและน้ำได้น้อยมาก ซึมลง มีอาการชักเกร็ง อาเจียนมาก หรือหายใจหอบเหนื่อย หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม สำหรับการป้องกันโรคผู้ปกครองควรหมั่นสอนให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ เพราะเจลแอลกอฮอล์จะไม่สามารถฆ่าเชื้อนี้ได้ หมั่นทำความสะอาดของเล่น ของใช้ของบุตรหลานเมื่อกลับจากโรงเรียนหรือหลังจากพาไปสถานที่อื่นที่มีคนหมู่มาก และสุดท้ายควรหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อนอาหาร เป็นต้น

สำหรับสถานศึกษาขอให้บุคลากรทางการศึกษาคัดกรองเด็กทุกเช้าอย่างเคร่งครัด หากพบเด็กป่วยให้แยกออกจากเด็กคนอื่นทันที แจ้งผู้ปกครองให้รับเด็กกลับบ้านและให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายดี หากมีเด็กป่วยมากกว่า 2 รายขึ้นไปในห้องเดียวกันในระยะเวลา 1 สัปดาห์ ควรปิดห้องเรียนอย่างน้อย 1 วัน และทำความสะอาดสิ่งของ พื้นที่ห้องเรียน หลังเปิดเรียนควรเฝ้าระวังคัดกรองอย่างเข้มข้นต่ออีก 1 สัปดาห์ และท้ายที่สุดขอเน้นย้ำให้สถานศึกษาปฏิบัติตามคำแนะนำทั่วไปของกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ สำหรับครูผู้ดูแลเด็กควรปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงและการแพร่ระบาด และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มิ.ย. 68)