อินโดฯ ผ่อนกฎนำเข้าสินค้า หวังปูทางเจรจาภาษีสหรัฐฯ

รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศในวันนี้ (30 มิ.ย.) ว่าจะผ่อนคลายมาตรการและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบจำนวนมาก เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจภายในประเทศ ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นก่อนถึงเส้นตายวันที่ 9 ก.ค. ที่สหรัฐฯ กำหนดไว้สำหรับการเจรจาต่อรองด้านภาษี

รัฐมนตรีหลายคนได้ออกมายืนยันถึงนโยบายดังกล่าว โดยแอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีประสานงานกิจการเศรษฐกิจ ระบุว่า มาตรการนี้จะครอบคลุมสินค้า 10 กลุ่มด้วยกัน

ขณะเดียวกัน บูดี ซานโตโซ รัฐมนตรีการค้า ชี้แจงว่าจะมีการผ่อนปรนข้อจำกัดในสินค้าหมวดปุ๋ย ป่าไม้ และพลาสติก เพื่อลดความซ้ำซ้อนของกฎระเบียบและสร้างความแน่นอนให้แก่ภาคธุรกิจ

ด้านไฟซอล เรซา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แถลงว่า การผ่อนคลายข้อกำหนดนี้จะช่วยผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมที่เรียกร้องให้มีการนำเข้าวัตถุดิบได้สะดวกยิ่งขึ้น

ที่ผ่านมานั้น ผู้ค้ามักร้องเรียนถึงขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนในการทำธุรกิจในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเด็นที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เคยหยิบยกขึ้นมาในรายงานเช่นกัน

สำหรับความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐฯ นั้น รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กำหนดกำแพงภาษี 32% ต่อสินค้าจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับนานาประเทศ โดยข้อมูลจาก USTR ระบุว่า ในปี 2567 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสินค้ากับอินโดนีเซียคิดเป็นมูลค่า 1.79 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 68)